http://www.samunpaiphuluang.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

หน้าแรก

ผลิตภัณฑ์ภูหลวง

ตัวแทนจำหน่าย

สาระน่ารู้

เว็บบอร์ด

ติดต่อเรา ทาง facebook หรือ โทร 038-448052 ถึง 3

ขอถามว่าของหนูเป็นระดับไหนและต้องใช้ยาอะไรคะ

(อ่าน 1276/ ตอบ 1)

เด็กน้อยอ่อนต่อโลก

คือหนูเพิ่งมาสังเกตุรู้สึกมีเหมือนก้อนเล็กๆที่ก้น เมื่อวานช่วงดึกอะคะ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยถ่ายมีเลือดนะคะ หนูเป็นคนทานผักแต่ชอบถ่ายอุจจาระโดยการเบ่ง บางทีมีอาการปวดพอไปนั่งเบ่งก็ไม่ออก ต้องเบ่งนานมากอะคะ แล้ววันนี้ตอนช่วงบ่ายเกือบเย็นหนูลองคลำดู เหมือนมีติ่งเนื้อเล็กๆโผล่ออกมาตอนถ่ายไม่ว่าจะหนักหรือเบาอะคะ แต่พอถ่ายเสร็จก็เหมือนจะหายไปแต่จะเหมือนเป็นก้อนอยู่ข้างในอะคะ หนูเครียดมากเลยคะ อยากหาทางรักษาไม่ทราบว่าต้องกินยาอะไร ราคาเท่าไหร่ และกินนานแค่ไหนคะ หรือมีวิธีอื่นโดยยังไม่ต้องทานยา หนูอ่านเจอมาเค้าบอกให้ขมิบก้นครั้งละสามสิบครั้ง วันละสามเวลาหลังอาหาร ไม่ทราบว่าจะช่วยได้ไหมคะ รบกวนด้วยนะคะ แล้วหนูก็อยากทราบว่ารักษาแล้วจะหายขาดไหมคะ แล้วเราจะมีวิธีดูแลและป้องกันไม่ให้มันเป็นอีกอย่างไรอะคะ ลืมอีกเรื่องนะคะ ถ้าต้องทานยาต้องไปซื้อที่ไหนคะ หนูอยู่กรุงเทพอะคะ อยู่เขตจอมทอง แถวดาวคนองอะคะ


เจ้าหน้าที่






ให้ขมิบก้นครั้งละสามสิบครั้ง วันละสามเวลาหลังอาหาร ไม่ทราบว่าจะช่วยได้ไหมคะ ... อาจจะแค่บรรเทาให้ออกมาลำบากหน่อย แต่ไม่น่าจะช่วยเรื่องการรักษาได้นะคะ



ตำรับยาชื่อว่า ยาริดสีดวงทวาร ตรา ภูหลวง คะ ขวดยาสีขาว ฉลากสีฟ้าคะ ---


ตัวแทนจำหน่ายดูได้จากเมนูด้านซ้ายมือนะคะ ..................


เรื่่องราคา จะมี 2 ขนาดค่ะ คือ  (ห้ามจำหน่ายเกินราคานี้)
1. ขนาด 50 แคปซูล ราคาปลีก 180 บาท  (ทานได้ประมาณ 8 วัน)
2. ขนาด
100  แคปซูล ราคา 300 บาท (ทานได้ประมาณ 16 วัน)


----------------------------------------------







------ ปกติถ้ามีเลือดออกมาตอนขับถ่าย อาจมีสาเหตุมาจาก ---
1. อุจจาระบาดบริเวณเส้นเลือด.. เนื่องจากอุจจาระแข็ง
2. ข้างในทวารหนัก มีติ่ง-หัวริดสีดวงอยู่ .. พอทานอาหารแสลงไป ทำให้เกิดการอักเสบ ... ทำให้มีเลือดออกมา
3. มีการขับถ่ายแบบต้องออกแรงเบ่งมาก ทำให้เส้นเลือดโป่งพองแตกอักเสบได้


4. ท้องเสียหรือถ่ายเหลวเป็นประจำ ...



ระยะของโรคริดสีดวงทวารแบ่งตามความรุนแรงเป็น 4 ระยะ คือ



ระยะที่ 1 -- มีอาการถ่ายเป็นเลือด (บางคนก็ไม่มีอาการนี้) แต่คลำที่ทวารหนักแล้วเจอก้อน แต่ไม่มีการยื่นออกมานอกขอบทวาร



ระยะที่ 2 -- ริดสีดวงยื่นออกมานอกขอบทวาร ขณะถ่ายอุจจาระและเลื่อนกลับเข้าไปในทวารหนัก หลังถ่ายอุจจาระ



ระยะที่ 3 -- ริดสีดวงยื่นออกนอกขอบทวาร ขณะถ่ายอุจจาระ และหลังถ่ายอุจจาระต้องดันกลับเข้าไปในทวารหนัก



ระยะที่ 4 – ริดสีดวงทวารยื่นออกนอกทวารหนักตลอดเวลา ลองจับที่ติ่งนะคะ ... ถ้าติ่งเกิดจากการเป็นริดสีดวงทวาร และติ่งแข็งแล้ว จะหายช้ามากเหมือนติ่งเป็นไตไปแล้ว ต้องทานเพื่อให้ติ่งจากแข็งเริ่มนิ่มก่อน ... แล้วถ้านิ่มแล้ว ติ่งถึงจะค่อยๆฝ่อ...




ปกติแล้วถ้าไปหาคุณหมอตามโรงพยาบาลหรือคลินิกส่วนมากคนที่เป็นริดสีดวงทวารคุณหมอเค้าจะ จ่าย ตัวยาตัวหนึ่ง และยาเหน็บคะ ตัวยาดังกล่าวจะเป็นยาทานแก้โรคริดสีดวงคะแต่เป็นแค่รักษาที่ปลายเหตุเท่านั้น คือในช่วงที่เป็นพอทานไปนานๆก็จะเกิดอาการดื้อยา พอเริ่มเกิดอาการดื้อยาทานไปเท่าไหร่ก็จะไม่หายแล้วคะ .. ส่วนยาเหน็บก็จะช่วยให้มีการหล่อลื่นเท่านั้นเองคะ เวลาถ่ายจะได้ไม่เจ็บ ... ยาสองตัวนี้  ส่วนมากคนที่มารับคำปรึกษาจากทางบริษัทก็ทานเคยใช้มาก่อนทั้งนั้น แต่ก็เกิดอาการดื้อยาเกือบทุกคนเลย ไม่หายขาดด้วย เป็นๆหายๆตลอด ...



และ หลายคนที่เคยผ่าตัดแล้วเกือบทุกคนก็กลับมาเป็นใหม่ ถั่วเฉลี่ยส่วนมากก็ไม่เกิน 3 ปี ก็จะกลับมาเป็นใหม่ บางคนเคยไปเลเซอร์ก็จะกลับมาเป็นใหม่ก็มีคะ..เพราะการผ่าตัดและการเลเซอร์ เป็นการที่เอาหัวที่เห็นออก แต่เค้าไม่ได้รักษาที่ภายใน หรือตรงต้นเหตุ ตรงเส้นเลือดที่อักเสบที่ทำให้เราเป็นริดสีดวง



ยาของทางบริษัทเป็นยาตำรับคะ คือนำสมุนไพรหลายตัวที่มีประสิทธิภาพในการรักษามาผสมกันเพื่อใช้สำหรับรักษาโรคริดสีดวงทวารโดยตรง ไม่ใช่สมุนไพรเดี่ยว คือเป็นเพชรสังฆาต อย่างเดียวคะ .. ตัวยาเพชรสังฆาตเป็นแค่ส่วนประกอบตัวหนึ่งในยาของเราคะ ยังมีสมุนไพรอื่นร่วมด้วยคะที่ไปช่วยเรื่องรักษาอาการอักเสบ บริเวณภายในทวารหนักคะ



แต่ของคุณมีเลือดออกด้วยยังไงลองทานยาก่อนดูมั้ยคะ ... หลังจากทานยาไม่เกิน 15 วันเลือดก็น่าจะหยุดแล้ว หลังจากนั้นให้ทานต่ออีกระยะ เพื่อรักษาเส้นเลือดข้างในให้หายอักเสบ .... และถ้าภายใน 2 เดือนนี้ทานไปและติ่งที่ว่าเริ่มเล็กลงหรือฝ่อ ... ติ่งนั้นก็อาจจะเป็นติ่งที่เกิดจากการเป็นริดสีดวงทวารค่ะ ... เพราะถ้าไม่รักษา ถึงตอนนี้เลือดเราไม่เห็นแล้ว แต่ก็มีโอกาสที่จะมีอาการถ่ายเป็นเลือดอีก....



กรณีที่มีติ่งออกมาแล้ว ... ต้องใช้เวลา เพราะการที่มีติ่งออกมาแล้ว ก็น่าจะเป็นมานานหลายปีแล้ว แต่บางคนก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเพราะหัวริดสีดวงอยู่ภายใน เพิ่งมารู้ตัวว่าเป็นก็ตอนที่ติ่งออกมาอยู่ข้างนอก



แต่พอติ่งเริ่มรับยาได้ ... ติ่งก็จะค่อยๆฝ่อและหดลงไปคะ ... เรื่องนี้รับรอง เพราะ คนที่เค้าเป็น และหาย หัวริดสีดวงของเค้าจะค่อยๆเล็กลงและหดกลับเข้าไปคะ ... แต่ช่วงเดือนแรกๆ (ถ้ากรณีเป็นมานาน) บางคนอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างแต่สังเกตุเห็นไม่ชัด แต่พอเดือน 2 เข้าเดือน 3 หรือเดือนที่ 3 จะเห็นชัดคะว่าเล็กลง ...




การทานยาของบริษัท -- การรักษาต้องใช้เวลานิดนึงนะคะ  ... เนื่องจากยาของทางบริษัทเป็นยาสมุนไพร ไม่ใช่ยาปฎิชีวะนะ เหมือนยาแก้อักเสบ หรือยาแก้ปวด ที่จะเห็นผลทันที หรือภายใน 1-2 วัน 1-2 อาทิตย์เพราะถ้าเป็นริดสีดวงทวารแล้ว คุณหมอตามคลีนิคหรือโรงพยาบาล จะจ่ายยาประมาณ 2 อย่าง บางคนทานเป็นปีๆ และพอหัวริดสีดวงออกมาอยู่ข้างนอกถาวรแล้ว สุดท้ายคุณหมอก็จะนัดผ่าตัด.. ผ่าตัดแล้วส่วนมากจะไม่เกิน 3 ปีก็จะกลับมาเป็นใหม่ค่ะ ..



------------------------------------------------------



เรื่องการทานยานานเท่าไหร่ เราไม่สามารถระบุให้ได้ ... ขนาดยาแผนปัจจุบันยังรักษากันหลายปี ไม่หายเลยค่ะ สุดท้ายก็ต้องผ่าตัด บางคนผ่าตัดแล้วก็กลับมาเป็นใหม่ ...



ถ้ากรณีที่มีเม็ดมีหัวออกมาแล้วเราสรุปเวลาที่แน่นอนในการทานยาให้ไม่ได้คือเพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ปัจจัยที่ว่านะคะ



1. พฤติกรรมการรับประทานยา .. ถ้าทานต่อเนื่องและทานได้วันละ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ช่วงที่ท้องว่าง (เนื่องจากยาไม่มีฤทธิ์กัดกระเพาะ) และ ถ้าทานตอนที่ท้องว่างพอแคปซูลละลายตัวยาจะได้ดูดซึมเลย ประสิทธิภาพของยาก็จะออกได้ประมาณ 80-90 %  แต่ถ้าทานตอนช่วงที่ทานอาหารแล้ว.. ยาอาจดูดซึมได้ไม่เต็มที่เนื่องจากอาหารดูดซึมตัวยาไปบางส่วนแล้ว ... ประสิทธิภาพอาจเหลือแค่ 50 % .... และบางคนลืมทานยาบ่อยมั้ย ดังนั้นเลยไม่สามารถบอกเลยคะว่าทานนานแค่ไหน แต่ถ้าทานต่อเนื่อง เข้าเดือนที่ 2-3 ก็น่าจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วคะ .. บางคนก็เร็วกว่านั้น



2. บริเวณที่เกิดการอักเสบหรือบริเวณเส้นเลือดดำที่โป่งพองแล้วแตกหรืออักเสบทำให้เกิดเม็ดเกิดหัว .... เพราะถ้าหัวริดสีดวงหรือบริเวณที่อักเสบที่เส้นเลือดดำภายใน ถ้าเกิดบริเวณที่อุจจาระไปโดนเวลาถ่ายก็มีโอกาสเจ็บอยู่แล้วคะและเวลาเวลา ขับถ่ายอุจจาระ อุจจาระก็ต้องไปโดนไปเสียดสีทุกครั้งดังนั้นแผลก็จะแห้งช้ากว่า คนที่บาดแผลหรือบริเวณที่อักเสบหรือตำแหน่งที่เกิดหัวริดสีดวงไม่ใช่บริเวณ ที่เวลาถ่ายอุจจาระแล้วอุจจาระไปโดน ...... 



3.เป็นมานานแล้วหรือยัง... บางคนเป็นริดสีดวงแล้วไม่ทราบว่าตัวเองเป็นคือ เกิดริดสีดวงภายในก่อนเป็นมานาน แล้วพอหัวที่อยู่ภายในเกิดออกมาอยู่ข้างนอกเป็นริดสีดวงภายนอกก็เลยเพิ่งนึกว่าตัวเองเป็น .....  บางคนก็ไม่เป็นริดสีดวงภายในเวลาเป็นก็เป็นริดสีดวงภายนอกเลย ...  ดังนั้นระยะเวลาการรักษาเลยไม่เหมือนกันคะ



4.เป็นมากเป็นน้อย ... บางคนเป็นแค่นิดเดียวการรักษาก็ไวหน่อย บางคนเป็นมากหัวโตก็ช้าหน่อย บางคนมีแค่หัวเดียว บางคนหัวริดสีดวงแตกมีหลายหัว



5. ติ่งแข็งมั้ย .. ถ้าติ่งแข็งหรือเริ่มแข็งคือไม่นิ่มเหมือนเนื้อปกติก็ต้องให้เวลาตัวยาละลายติ่งให้นิ่มก่อน เพราะถ้าติ่งเริ่มแข็งกว่าเนื้อปกติหรือกลายเป็นไตไปแล้ว (ติ่งแข็งแบบตายด้าน) กว่าติ่งจะรับยาได้ก็ต้องใช้เวลา



6. ท้องผูก ต้องออกแรงเบ่งบ่อยมั้ย .... ถ้าท้องผูกและต้องออกแรงเบ่งบ่อยริดสีดวงก็จะหายช้ามาก



7. ท้องเสีย หรือ ถ่ายเหลว บ่อยมั้ย ... ถ้าท้องเสียหรือถ่ายเหลวเป็นประจำก็จะหายช้า เนื่องจากการถ่ายเหลวก็เหมือนกับลำไส้ทำงานไม่ปกติค่ะ และการถ่ายเหลวนี่ก็อาจทำให้หัวริดสีดวงไม่หายซักที หรืออาการริดสีดวงเกิดการกำเริบได้ ... เมื่อเราต้องถ่ายเหลว หรือท้องเสีย อาจจะทำให้หัวของริดสีดวงใหญ่ขึ้น หรือมีอาการถ่ายเป็นเลือด เพราะอุจจาระที่ถูกขับออกมาอย่างแรง อาจทำให้เยื่อบุทวารหนักอักเสบ เป็นผลทำให้หลอดเลือดของทวารหนักขยายตัวและไม่หดกลับ



---------------------------------------------------



-- ทานยาวันนึงให้ได้ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง ... ถ้าเป็นมาก สามารถเพิ่มการทานยาก่อนนอนได้อีก 2 แคปซูล …..



-- ดูแลตัวเองอย่าให้ท้องผูกหรือท้องเสีย ธาตุปกติดีที่สุด



-- อาหาร แสลงที่พบในหลายๆคน นะคะ ... บางคนก็ไม่แสลงนะคะ ... เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ .. เนื้อวัว ของหมักดอง ปูเค็ม ปลาร้า ปลาเค็ม ปลาหมึก กุ้ง หน่อไม้ ข้าวเหนียว แกงไตปลา น้ำบูดู แกงเหลือง .. อาหารรสชาติเผ็ด หรือเปรี้ยวมากเกินไป ... ถ้างดได้ควรงดก่อน



-- เรื่อง อากัปกิริยา ก็มีส่วนนะคะ ที่จะทำให้หายเร็วหรือช้า .... ควรจะดูแลตัวเองร่วมด้วยก็จะหายไวขึ้นค่ะ ....  ถ้าต้องนั่งทำงานทั้งวัน ให้ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายทุก 2 ชั่วโมง เพื่อให้เลือดได้มีการไหลเวียนไม่ถูกกดทับนานเกินไป.... ถ้าต้องเดินนานๆ ก็อย่านานเกิน เพราะมันจะมีการเสียดมีนาน จะยิ่งทำให้อักเสบมากขึ้น ...  พยายามอย่า ยืน เดิน นั่ง นานเกิน ให้ เปลี่ยนท่าบ้าง การนอน ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้พยายามนอนคว่ำหรือนอนตะแครง...และพยายามอย่าก้มยกของหนักด้วยนะคะ .. เพราะจะดันให้หัวริดสีดวงออกมาง่าย






-------------------------------------------
เพราะโดยส่วนมากแล้ว 90 % จะได้ผล จะมีแค่ 10 % ที่ไม่ได้ผล คือ
1. ใจร้อน
2. ท้องผูก ท้องเสียตลอดเวลา
3. ทานอาหารแสลงตลอดเวลา ทั้งๆที่รู้ว่าริดสีดวงของเราแสลงกับอาหารนั้น ...
4. ร่างกายไม่รับยาเลย ร่างกายรับยาของเราไม่ค่อยได้ เหมือนไม่ถูกกับยา .. แต่น้อยคนนะคะ ... เช่น เหมือนกับการที่เราทานยาแก้ปวดหัว ยี่ห้อ A แล้วไม่ได้ผล เหมือนไม่ถูกกับยา เลยต้องเปลี่ยนเป็นยี่ห้อ B C หรือ



------------------------------------------------------




สอบถามเพิ่มเติมได้นะคะ









Page : 1
Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

view

 หน้าแรก

 ผลิตภัณฑ์ภูหลวง

 สาระน่ารู้

 เว็บบอร์ด

 ติดต่อเรา

view