http://www.samunpaiphuluang.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

หน้าแรก

ผลิตภัณฑ์ภูหลวง

ตัวแทนจำหน่าย

สาระน่ารู้

เว็บบอร์ด

ติดต่อเรา ทาง facebook หรือ โทร 038-448052 ถึง 3

ถามผู้รู้ทีครับ ช่วยหน่อย

(อ่าน 1277/ ตอบ 1)

่jame

ปรึกษาหน่อยครับ คือว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาผมมีอาการปวดก้น และเมื่อประมาณวันพุธ พฤหัส ผมได้อุจระแล้วตอนล้าง



ก้นพบว่ามีก้อนอะไรมะรุ้ ผมเลยมาดูมันต้องเปง ริดสีดวงแน่นเลยครับ



แต่มะรุ้ว่ามันเปงชนิดไหนอ่า แบบว่าตอนปกติไม่เห้น ต้องนั่งยองๆ และเบ่งหน่อยจะเห้นอะครับ แต่ก้อนไม่ใหญ่



แบบนี้คือชนิดไหนหรอ แล้วผมต้อง รักษายังไงอะครับ



ผมเปงคนถ่ายไม่ค่อยเปงเวลา นานๆที อาทิคประมาณ 2ครั้งได้



เวลาถ่ายไม่มีเลือดออก ปกติทุกอย่าง



ผมล้างก้นด้วยสบู่ทุกครั้ง อันนี้เกี่ยวมั้ย [เห้นมีคนบอกว่าใช้สบุ่สีล้างมันไม่มีให้ใช้น้ำสะอาดเฉยๆ]



และเวลาถ่ายผมนั่งยองๆตลอดมะค่อยชอบนั่งกับโถแบบสมัยใหม่อะครับ



ยังไงช่วยบอกผมทีครับ กังวล และเครียดมาก เกิดมามะเคยเปง TT


เจ้าหน้าที่

ระยะของโรคริดสีดวงทวารแบ่งตามความรุนแรงเป็น 4 ระยะ คือ



ระยะที่ 1 -- มีอาการถ่ายเป็นเลือด (บางคนก็ไม่มีอาการนี้) แต่คลำที่ทวารหนักแล้วเจอก้อน แต่ไม่มีการยื่นออกมานอกขอบทวาร



ระยะที่ 2 -- ริดสีดวงยื่นออกมานอกขอบทวาร ขณะถ่ายอุจจาระและเลื่อนกลับเข้าไปในทวารหนัก หลังถ่ายอุจจาระ



ระยะที่ 3 -- ริดสีดวงยื่นออกนอกขอบทวาร ขณะถ่ายอุจจาระ และหลังถ่ายอุจจาระต้องดันกลับเข้าไปในทวารหนัก


ระยะที่ 4 – ริดสีดวงทวารยื่นออกนอกทวารหนักตลอดเวลา


-----------------------------


ปกติแล้วคนที่เป็นริดสีดวง บางคนมีอาการถ่ายเป็นเลือด  บางคนก็ไม่มี --- บางคนมีอาการคันร่วมด้วย บางคนก็ไม่มี บางคนมีอาการเจ็บ บางคนก็ไม่มี    สาเหตุที่แต่ละคนมีอาการไม่เหมือนกันเนื่องจากต้องดูด้วยว่าเส้นเลือดดำที่โป่งพอง หรือ อักเสบ ภายในทวารหนัก เกิดขึ้นบริเวณไหน ถ้าเกิดบริเวณที่เวลาถ่ายอุจจาระ แล้วไปโดน เสียดสีกับเส้นเลือดดำที่อักเสบหรือโป่งพองอยู่ เวลาถ่าย ก็จะเจ็บ แสบ และ มีโอกาสมีเลือดปะปนออกมา แต่ถ้าจุดที่เกิดหัว หรือเส้นเลือดที่อักเสบ ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งที่อุจจาระไปโดน อาการถ่ายเป็นเลือด เจ็บ แสบ บางคนก็ไม่มีอาการคะ


---------------------------


การนั่งยองๆนานๆไม่แนะนำสำหรับคนที่เป็นริดสีดวงอยู่หรือ กำลังจะเป็นหรือเริ่มมีอาการ เพราะ จะทำให้ติ่งของริดสีดวง ออกมาง่ายขึ้น...และกลับคืนที่ลำบาก ....


-----------------------


กรณีที่มีติ่งออกมาแล้ว ... ต้องใช้เวลานิดนึง เพราะการที่มีติ่งออกมาแล้ว ก็น่าจะเป็นมานานแล้ว แต่บางคนก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเพราะหัวริดสีดวงอยู่ภายใน เพิ่งมารู้ตัวว่าเป็นก็ตอนที่ติ่งออกมาอยู่ข้างนอก



แต่พอติ่งเริ่มรับยาได้ ... ติ่งก็จะค่อยๆฝ่อและหดลงไปคะ ... เรื่องนี้รับรอง เพราะ คนที่เค้าเป็น และหาย หัวริดสีดวงของเค้าจะค่อยๆเล็กลงและหดกลับเข้าไปคะ ... แต่ช่วงเดือนแรกๆ (ถ้ากรณีเป็นมานาน) บางคนอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างแต่สังเกตุเห็นไม่ชัด แต่พอเดือน 2 เข้าเดือน 3 หรือเดือนที่ 3 จะเห็นชัดคะว่าเล็กลง ...




การทานยาของบริษัท -- การรักษาต้องใช้เวลานิดนึงนะคะ  ... เนื่องจากยาของทางบริษัทเป็นยาสมุนไพร ไม่ใช่ยาปฎิชีวะนะ เหมือนยาแก้อักเสบ หรือยาแก้ปวด ที่จะเห็นผลทันที หรือภายใน 1-2 วัน 1-2 อาทิตย์เพราะถ้าเป็นริดสีดวงทวารแล้ว คุณหมอตามคลีนิคหรือโรงพยาบาล จะจ่ายยาประมาณ 2 อย่าง บางคนทานเป็นปีๆ และพอหัวริดสีดวงออกมาอยู่ข้างนอกถาวรแล้ว สุดท้ายคุณหมอก็จะนัดผ่าตัด.. ผ่าตัดแล้วส่วนมากจะไม่เกิน 3 ปีก็จะกลับมาเป็นใหม่ค่ะ ..




-------------------------------------------


เรื่องการทานยานานเท่าไหร่ เราไม่สามารถระบุให้ได้ ... ขนาดยาแผนปัจจุบันยังรักษากันหลายปี ไม่หายเลยค่ะ สุดท้ายก็ต้องผ่าตัด บางคนผ่าตัดแล้วก็กลับมาเป็นใหม่ ...



ถ้ากรณีที่มีเม็ดมีหัวออกมาแล้วเราสรุปเวลาที่แน่นอนในการทานยาให้ไม่ได้คือเพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ปัจจัยที่ว่านะคะ



1. พฤติกรรมการรับประทานยา .. ถ้าทานต่อเนื่องและทานได้วันละ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ช่วงที่ท้องว่าง (เนื่องจากยาไม่มีฤทธิ์กัดกระเพาะ) และ ถ้าทานตอนที่ท้องว่างพอแคปซูลละลายตัวยาจะได้ดูดซึมเลย ประสิทธิภาพของยาก็จะออกได้ประมาณ 80-90 %  แต่ถ้าทานตอนช่วงที่ทานอาหารแล้ว.. ยาอาจดูดซึมได้ไม่เต็มที่เนื่องจากอาหารดูดซึมตัวยาไปบางส่วนแล้ว ... ประสิทธิภาพอาจเหลือแค่ 50 % .... และบางคนลืมทานยาบ่อยมั้ย ดังนั้นเลยไม่สามารถบอกเลยคะว่าทานนานแค่ไหน แต่ถ้าทานต่อเนื่อง เข้าเดือนที่ 2-3 ก็น่าจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วคะ .. บางคนก็เร็วกว่านั้น



2. บริเวณที่เกิดการอักเสบหรือบริเวณเส้นเลือดดำที่โป่งพองแล้วแตกหรืออักเสบทำให้เกิดเม็ดเกิดหัว .... เพราะถ้าหัวริดสีดวงหรือบริเวณที่อักเสบที่เส้นเลือดดำภายใน ถ้าเกิดบริเวณที่อุจจาระไปโดนเวลาถ่ายก็มีโอกาสเจ็บอยู่แล้วคะและเวลาเวลา ขับถ่ายอุจจาระ อุจจาระก็ต้องไปโดนไปเสียดสีทุกครั้งดังนั้นแผลก็จะแห้งช้ากว่า คนที่บาดแผลหรือบริเวณที่อักเสบหรือตำแหน่งที่เกิดหัวริดสีดวงไม่ใช่บริเวณ ที่เวลาถ่ายอุจจาระแล้วอุจจาระไปโดน ...... 



3.เป็นมานานแล้วหรือยัง... บางคนเป็นริดสีดวงแล้วไม่ทราบว่าตัวเองเป็นคือ เกิดริดสีดวงภายในก่อนเป็นมานาน แล้วพอหัวที่อยู่ภายในเกิดออกมาอยู่ข้างนอกเป็นริดสีดวงภายนอกก็เลยเพิ่งนึกว่าตัวเองเป็น .....  บางคนก็ไม่เป็นริดสีดวงภายในเวลาเป็นก็เป็นริดสีดวงภายนอกเลย ...  ดังนั้นระยะเวลาการรักษาเลยไม่เหมือนกันคะ



4.เป็นมากเป็นน้อย ... บางคนเป็นแค่นิดเดียวการรักษาก็ไวหน่อย บางคนเป็นมากหัวโตก็ช้าหน่อย บางคนมีแค่หัวเดียว บางคนหัวริดสีดวงแตกมีหลายหัว



5. ติ่งแข็งมั้ย .. ถ้าติ่งแข็งหรือเริ่มแข็งคือไม่นิ่มเหมือนเนื้อปกติก็ต้องให้เวลาตัวยาละลายติ่งให้นิ่มก่อน เพราะถ้าติ่งเริ่มแข็งกว่าเนื้อปกติหรือกลายเป็นไตไปแล้ว (ติ่งแข็งแบบตายด้าน) กว่าติ่งจะรับยาได้ก็ต้องใช้เวลา



6. ท้องผูก ต้องออกแรงเบ่งบ่อยมั้ย .... ถ้าท้องผูกและต้องออกแรงเบ่งบ่อยริดสีดวงก็จะหายช้ามาก



7. ท้องเสีย หรือ ถ่ายเหลว บ่อยมั้ย ... ถ้าท้องเสียหรือถ่ายเหลวเป็นประจำก็จะหายช้า เนื่องจากการถ่ายเหลวก็เหมือนกับลำไส้ทำงานไม่ปกติค่ะ และการถ่ายเหลวนี่ก็อาจทำให้หัวริดสีดวงไม่หายซักที หรืออาการริดสีดวงเกิดการกำเริบได้ ... เมื่อเราต้องถ่ายเหลว หรือท้องเสีย อาจจะทำให้หัวของริดสีดวงใหญ่ขึ้น หรือมีอาการถ่ายเป็นเลือด เพราะอุจจาระที่ถูกขับออกมาอย่างแรง อาจทำให้เยื่อบุทวารหนักอักเสบ เป็นผลทำให้หลอดเลือดของทวารหนักขยายตัวและไม่หดกลับ



---------------------------------------------------


ข้อแนะนำเพิ่มเติม





1. การทานอาหารแสลง ... ถ้ามีอาหารที่เรารู้ว่าแสลงกับอาการริดสีดวงของเราก็ต้องงดก่อนนะคะ เพราะถ้าไปทานเดี๋ยวเกิดอาการอักเสบขึ้นมาอีก หรือ พอติ่งเริ่มหดแล้ว ก็จะออกมาอีก ... ช่วงนี้ลองงดอาหารแสลงก่อนนะคะ ... อาหารแสลงที่พบมากในคนที่เป็นริดสีดวงทวาร......เช่น  เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ .. อาหารรสชาติเผ็ด หรือเปรี้ยว เนื้อวัว ของหมักดอง ปูเค็ม ปลาเค็ม ปลาร้า ปลาหมึก กุ้ง ข้าวเหนียว หน่อไม้ แกงไตปลา น้ำบูดู แกงเหลือง ..หรืออหารตัวอื่นที่เราคิดว่าแสลง ..  ถ้าทานอาหารพวกนี้อยู่รบกวนงดอาหารพวกนี้ก่อนนะคะ เพราะอาการริดสีดวงอาจจะแสลงกับอาหารตัวใดตัวหนึ่ง 






2. อากัปกิริยา ... นั่ง ยืน เดิน การก้มยกของหนัก .. นานเกินไป การที่เรานั่งเป็นเวลานานๆ ก็ทำให้เกิดการกดทับบริเวณติ่ง .. ต้องมีการลุกยืดเส้นยืดสายบ้างนะคะ .. การยืนนานๆ ก็จะเกิดการเกร็ง .. ส่วนการเดินนานๆ ก็จะเกิดการเสียดสีตลอดเวลาค่ะ...



3. ห้ามออกกำลังกายหักโหม โดยเฉพาะการวิ่ง หรือเดิน นานๆ... เนื่องจากติ่ง/หัว ริดสีดวง อาจเกิดการเสียดสี .. ทำให้อักเสบมากขึ้น ..



4. นิสัยการขับถ่าย .. ถ้ามีอาการท้องผูกเป็นประจำ ต้องดูแลตัวเองด้วย ไม่งั้นจะหายช้า และพอจะหาย พอเราเริ่ม เบ่งถ่าย ก็จะเกิดการอักเสบอีก.. ลองทานอาหารที่มีกากใยมากๆนะคะ และดื่มน้ำมากๆด้วย จะช่วยเรื่องท้องผูกค่ะ.. การนั่งขับถ่ายนานๆไม่ดีนะคะ เพราะจะทำให้ติ่งออกมาอีกได้ง่ายขึ้นค่ะ  ... หรือถ้ามีการถ่ายเหลวหรือท้องเสียบ่อย... ต้องรีบดูแลตัวเองเลย เพราะบางรายเวลากำเริบหนักกว่าท้องผูกอีก และรักษายากกว่า ..






5. ถ้ามีเวลาอยากให้นั่งแช่น้ำอุ่นบ้าง เลือดบริเวณที่คั่งอยู่จะได้คลายบ้าง... เลือดจะได้ไหลเวียนได้สะดวก เวลานั่งนะคะ .. อยากให้นั่งลงไปเลยหรือนั่งบนห่วงยางนั่งอ่านหนังสือ หรือดูหนังก็ได้ ประมาณ 10 นาที ... แต่ห้ามนั่งยองๆนะคะ  เดี๋ยวติ่งริดสีดวงจะยิ่งออกมา ...


6.  ทานยาวันนึงให้ได้ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง ... ถ้าเป็นมาก สามารถเพิ่มการทานยาก่อนนอนได้อีก 2 แคปซูล …..การลืมทานยาบ่อยจะทำให้การรักษาไม่ต่อเนื่อง








------------------------------------------------------


เพราะโดยส่วนมากแล้ว 90 % จะได้ผล จะมีแค่ 10 % ที่ไม่ได้ผล คือ
1. ใจร้อน
2. ท้องผูก ท้องเสียตลอดเวลา
3. ทานอาหารแสลงตลอดเวลา ทั้งๆที่รู้ว่าริดสีดวงของเราแสลงกับอาหารนั้น ...
4. ร่างกายไม่รับยาเลย ร่างกายรับยาของเราไม่ค่อยได้ เหมือนไม่ถูกกับยา .. แต่น้อยคนนะคะ ... เช่น เหมือนกับการที่เราทานยาแก้ปวดหัว ยี่ห้อ A แล้วไม่ได้ผล เหมือนไม่ถูกกับยา เลยต้องเปลี่ยนเป็นยี่ห้อ B C หรือ



 ---------------------------------



ตำรับยาชื่อว่า ยาริดสีดวงทวาร ตรา ภูหลวง คะ ขวดยาสีขาว ฉลากสีฟ้าคะ ---



ตัวแทนจำหน่ายดูได้จากเมนูด้านซ้ายมือนะคะ





วิธีรับประทานยา.....



การทานยานะคะถ้าปกตินะคะ .. ครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงคะ (ควรทานยาก่อนอาหารเพราะร่างกายจะได้นำยาไปใช้ได้เต็มที่คะ ถ้าทานพร้อมมื้ออาหารประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปด้วย)  ... และควรทานยาต่อเนื่องนะคะ ไม่ควรทานๆหยุดๆคะ ... เพื่อการรักษาอย่างต่อเนื่อง




สอบถามเพิ่มเติมได้นะคะ





Page : 1
Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

view

 หน้าแรก

 ผลิตภัณฑ์ภูหลวง

 สาระน่ารู้

 เว็บบอร์ด

 ติดต่อเรา

view