http://www.samunpaiphuluang.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

หน้าแรก

ผลิตภัณฑ์ภูหลวง

ตัวแทนจำหน่าย

สาระน่ารู้

เว็บบอร์ด

ติดต่อเรา ทาง facebook หรือ โทร 038-448052 ถึง 3

อยากสอบถามเรื่องริดสีดวงทวาร

(อ่าน 1427/ ตอบ 1)

เมเม่

คือตอนนี้เป็นริดสีดวงน่ะค่ะ



น่าจะเป็นระยะ 2 คือมีติ่งออกมาขณะเบ่งถ่าย แล้วพอเลิกเบ่งก็กลับเข้าไปอ่ะค่ะ


แล้วคือแบบช่วงที่เป็นน่ะมีเลือดออกมาปนกับอุจจาระ แล้วหลังๆมีอาการเจ็บตรงรอบๆรูทวาร


แต่ตอนนี้หายเจ็บแล้วก็ไม่มีเลือดออกมาแล้วค่ะ แต่มันยังเป็นติ่งนิ่มๆอยู่เลย


แต่ติ่งมันหดกลับเข้าไปได้นะคะ คืออยากทราบว่า ถ้าเป็นแค่นี้จะทานยาประมาณกี่เดือนถึงจะหายคะ



ปล. ยังไม่ได้ซื้อยานะคะ แต่กำลังตัดสินใจอยู่ รอทางบริษัทมาตอบ และให้คำแนะนำค่ะ


ขอบคุณมากๆนะคะ


เจ้าหน้าที่

การทานยาของบริษัท -- การรักษาต้องใช้เวลานิดนึงนะคะ  ... เนื่องจากยาของทางบริษัทเป็นยาสมุนไพร ไม่ใช่ยาปฎิชีวะนะ เหมือนยาแก้อักเสบ หรือยาแก้ปวด ที่จะเห็นผลทันที หรือภายใน 1-2 วัน 1-2 อาทิตย์เพราะถ้าเป็นริดสีดวงทวารแล้ว คุณหมอตามคลินิกหรือโรงพยาบาล จะจ่ายยาประมาณ 2 อย่าง ทานหลายปีเลยนะคะ หรือบางคนก็ต้องเพิ่มโดสการทานยาเพิ่มเพราะเกิดการดื้อยา บางคนก็เค้าก็จะจ่ายยาให้ พอเริ่มดีขึ้นเค้าให้หยุดยา พอไม่นานก็กลับมาเป็นใหม่ เค้าก็จะเป็นๆหายๆ ไปเรื่อยๆ จนติ่งอยู่ข้างนอกถาวร  .. และพอหัวริดสีดวงออกมาอยู่ข้างนอกถาวรแล้ว สุดท้ายคุณหมอก็จะนัดผ่าตัด .. ผ่าตัดแล้วส่วนมากจะไม่เกิน 3 ปีก็จะกลับมาเป็นใหม่ค่ะ ..



ความ แตกต่างระหว่างยาของทางบริษัทกับยาสมุนไพรในท้องตลาด ... ส่วนมากยาในท้องตลาดจะเป็นสมุนไพรเดี่ยว คือจะเป็น ยาสมุนไพรอัคคีทวาร ยาสมุนไพรเพชรสังฆาต   แต่ยาของทางบริษัทเป็นยาตำรับคะ คือนำสมุนไพรหลายตัวที่มีประสิทธิภาพในการรักษามาผสมกันเพื่อใช้สำหรับรักษา โรคริดสีดวงทวารโดยตรง ไม่ใช่สมุนไพรเดี่ยว คือเป็นเพชรสังฆาต อย่างเดียวคะ .. ตัวยาเพชรสังฆาตเป็นแค่ส่วนประกอบตัวหนึ่งในยาของเราคะ ยังมีสมุนไพรอื่นร่วมด้วยคะที่ไปช่วยเรื่องรักษาอาการอักเสบ บริเวณภายในทวารหนักคะ



นอกจากนี้ยาของทางบริษัท จะไม่เหมือนยาในท้องตลาดหรือสมุนไพรยี่ห้ออื่น คือใส่ยาถ่ายยาระบายลงไปมากๆเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกถ่ายคล่องจะได้ไม่รู้เจ็บ เวลาถ่ายเลยเหมือนอาการริดสีดวงดีขึ้นแต่มันเป็นแค่ความรู้สึกอาการไม่ได้ ทุเลา เพราะหลายคนกินยี่ห้ออื่นมาเป็นปีแต่ริดสีดวงไม่หายกลายเป็นคนติดยาระบาย ยาถ่ายไปอีก.... แต่ยาของเราจะมีส่วนประกอบแค่ช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่มลงเท่านั้นเองค่ะ



แต่ยาของทางบริษัท ใน 500 mg. เรา เน้นเป็นยาแก้อักเสบซะส่วนใหญ่ จะมีแค่ยาช่วยในหล่อลื่นนิดหน่อยคือไม่ให้แข็งมาก แต่ไม่ใช่ยาระบายหรือยาถ่าย แล้วอีกอย่างคนที่เป็นริดสีดวงก็ไม่จำเป็นต้องท้องผูกคนที่ท้องเสียก็มี โอกาสเป็นริดสีดวงเหมือนกันคะ ....


---------------------------------------------------







กรณีที่ถ่ายเป็นเลือด ภายใน 15 วัน...อาการถ่ายเป็นเลือดจะหาย ยกเว้นกรณีมากจริงๆ แบบบางคนที่ต้องเอาแผ่นผ้าอนามัยมันมารองแบบออกมาทั้งวัน ...อาการนี้ ภายใน 15 วันจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด






แต่ถ้ากรณีมีหัวและมีติ่งแล้ว เราไม่สามารถระบุเวลาที่แน่นอนให้นะคะ เพราะการรับยาของแต่ละคนไม่เท่ากัน ... ขอให้ทานยาได้วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงเพื่อการรักษาที่ต่อเนื่อง ... กรณีที่มีติ่งออกมาแล้ว ให้ดูตอนเข้าเดือนที่ 2-3 นะคะ (บอกแบบนานๆไว เพราะบางคนลืมทานยาบ่อย) จะเห็นการเปลี่ยนแปลงกับติ่งแน่นอนค่ะ ... บางทีถ้า เดือนสองเดือนแรกก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงสำหรับบางคน แต่เรายังอาจเห็นไม่ชัดเจน แต่พอเดือนที่ 3 น่าจะชัดแล้วว่าฝ่อ ...



ถ้ากรณีที่มีเม็ดมีหัวออกมาแล้วเราสรุปเวลาที่แน่นอนให้ไม่ได้คือเพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง แต่รับรองคะว่าหายแน่คะ ปัจจัยที่ว่านะคะ



1. พฤติกรรมการรับประทานยา .. ถ้าทานต่อเนื่องและทานได้วันละ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ช่วงที่ท้องว่าง (เนื่องจากยาไม่มีฤทธิ์กัดกระเพาะ) และ ถ้าทานตอนที่ท้องว่างพอแคปซูลละลายตัวยาจะได้ดูดซึมเลย ประสิทธิภาพของยาก็จะออกได้ประมาณ 80-90 %  แต่ถ้าทานตอนช่วงที่ทานอาหารแล้ว.. ยาอาจดูดซึมได้ไม่เต็มที่เนื่องจากอาหารดูดซึมตัวยาไปบางส่วนแล้ว ... ประสิทธิภาพอาจเหลือแค่ 50 % .... และบางคนลืมทานยาบ่อยมั้ย ดังนั้นเลยไม่สามารถบอกเลยคะว่าทานนานแค่ไหน แต่ถ้าทานต่อเนื่อง เข้าเดือนที่ 2-3 ก็น่าจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วคะ .. บางคนก็เร็วกว่านั้น



2. บริเวณที่เกิดการอักเสบหรือบริเวณเส้นเลือดดำที่โป่งพองแล้วแตกหรืออักเสบทำให้เกิดเม็ดเกิดหัว .... เพราะถ้าหัวริดสีดวงหรือบริเวณที่อักเสบที่เส้นเลือดดำภายใน ถ้าเกิดบริเวณที่อุจจาระไปโดนเวลาถ่ายก็มีโอกาสเจ็บอยู่แล้วคะและเวลาเวลา ขับถ่ายอุจจาระ อุจจาระก็ต้องไปโดนไปเสียดสีทุกครั้งดังนั้นแผลก็จะแห้งช้ากว่า คนที่บาดแผลหรือบริเวณที่อักเสบหรือตำแหน่งที่เกิดหัวริดสีดวงไม่ใช่บริเวณ ที่เวลาถ่ายอุจจาระแล้วอุจจาระไปโดน ...... 



3.เป็นมานานแล้วหรือยัง... บางคนเป็นริดสีดวงแล้วไม่ทราบว่าตัวเองเป็นคือ เกิดริดสีดวงภายในก่อนเป็นมานาน แล้วพอหัวที่อยู่ภายในเกิดออกมาอยู่ข้างนอกเป็นริดสีดวงภายนอกก็เลยเพิ่งนึกว่าตัวเองเป็น .....  บางคนก็ไม่เป็นริดสีดวงภายในเวลาเป็นก็เป็นริดสีดวงภายนอกเลย ...  ดังนั้นระยะเวลาการรักษาเลยไม่เหมือนกันคะ



4.เป็นมากเป็นน้อย ... บางคนเป็นแค่นิดเดียวการรักษาก็ไวหน่อย บางคนเป็นมากหัวโตก็ช้าหน่อย บางคนมีแค่หัวเดียว บางคนหัวริดสีดวงแตกมีหลายหัว



5. ติ่งแข็งมั้ย .. ถ้าติ่งแข็งหรือเริ่มแข็งคือไม่นิ่มเหมือนเนื้อปกติก็ต้องให้เวลาตัวยาละลายติ่งให้นิ่มก่อน เพราะถ้าติ่งเริ่มแข็งกว่าเนื้อปกติหรือกลายเป็นไตไปแล้ว (ติ่งแข็งแบบตายด้าน) กว่าติ่งจะรับยาได้ก็ต้องใช้เวลา



6. ท้องผูก ต้องออกแรงเบ่งบ่อยมั้ย .... ถ้าท้องผูกและต้องออกแรงเบ่งบ่อยริดสีดวงก็จะหายช้ามาก



7. ท้องเสีย หรือ ถ่ายเหลว บ่อยมั้ย ... ถ้าท้องเสียหรือถ่ายเหลวเป็นประจำก็จะหายช้า เนื่องจากการถ่ายเหลวก็เหมือนกับลำไส้ทำงานไม่ปกติค่ะ และการถ่ายเหลวนี่ก็อาจทำให้หัวริดสีดวงไม่หายซักที หรืออาการริดสีดวงเกิดการกำเริบได้ ... เมื่อเราต้องถ่ายเหลว หรือท้องเสีย อาจจะทำให้หัวของริดสีดวงใหญ่ขึ้น หรือมีอาการถ่ายเป็นเลือด เพราะอุจจาระที่ถูกขับออกมาอย่างแรง อาจทำให้เยื่อบุทวารหนักอักเสบ เป็นผลทำให้หลอดเลือดของทวารหนักขยายตัวและไม่หดกลับ




------------------------------------------------------



ยังไงดูแลตัวเองด้วยนะคะ .. จะได้หายไวๆ ...ต้องดูก่อนว่าสาเหตุที่ทำให้เราเป็นริดสีดวงเกิดจากอะไร ... และแก้จากจุดนั้น การรักษาก็จะยิ่งไวค่ะ ... เราต้องดูแลตัวเองด้วย







1. การทานอาหารแสลง ... ถ้ามีอาหารที่เรารู้ว่าแสลงกับอาการริดสีดวงของเราก็ต้องงดก่อนนะคะ เพราะถ้าไปทานเดี๋ยวเกิดอาการอักเสบขึ้นมาอีก หรือ พอติ่งเริ่มหดแล้ว ก็จะออกมาอีก ... ช่วงนี้ลองงดอาหารแสลง ... ริดสีดวง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ .. อาหารรสชาติเผ็ด หรือเปรี้ยว เนื้อวัว ของหมักดอง ปูเค็ม ปลาเค็ม ปลาร้า ปลาหมึก กุ้ง ข้าวเหนียว หน่อไม้ แกงไตปลา น้ำบูดู แกงเหลือง ..หรืออหารตัวอื่นที่เราคิดว่าแสลง ..  ถ้าทานอาหารพวกนี้อยู่รบกวนงดอาหารพวกนี้ก่อนนะคะ เพราะอาการริดสีดวงอาจจะแสลงกับอาหารตัวใดตัวหนึ่ง



2. อากัปกิริยา ... นั่ง ยืน เดิน การก้มยกของหนัก .. นานเกินไป การที่เรานั่งเป็นเวลานานๆ ก็ทำให้เกิดการกดทับบริเวณติ่ง .. ต้องมีการลุกยืดเส้นยืดสายบ้างนะคะ .. การยืนนานๆ ก็จะเกิดการเกร็ง .. ส่วนการเดินนานๆ ก็จะเกิดการเสียดสีตลอดเวลาค่ะ...



3. ห้ามออกกำลังกายหักโหม โดยเฉพาะการวิ่ง หรือเดิน นานๆ... เนื่องจากติ่ง/หัว ริดสีดวง อาจเกิดการเสียดสี .. ทำให้อักเสบมากขึ้น ..



4. นิสัยการขับถ่าย .. ถ้ามีอาการท้องผูกเป็นประจำ ต้องดูแลตัวเองด้วย ไม่งั้นจะหายช้า และพอจะหาย พอเราเริ่ม เบ่งถ่าย ก็จะเกิดการอักเสบอีก.. ลองทานอาหารที่มีกากใยมากๆนะคะ และดื่มน้ำมากๆด้วย จะช่วยเรื่องท้องผูกค่ะ.. การนั่งขับถ่ายนานๆไม่ดีนะคะ เพราะจะทำให้ติ่งออกมาอีกได้ง่ายขึ้นค่ะ  ... หรือถ้ามีการถ่ายเหลวหรือท้องเสียบ่อย... ต้องรีบดูแลตัวเองเลย เพราะบางรายเวลากำเริบหนักกว่าท้องผูกอีก และรักษายากกว่า ..




5. ถ้ามีเวลาอยากให้นั่งแช่น้ำอุ่นบ้าง เลือดบริเวณที่คั่งอยู่จะได้คลายบ้าง... เลือดจะได้ไหลเวียนได้สะดวก เวลานั่งนะคะ .. อยากให้นั่งลงไปเลยหรือนั่งบนห่วงยางนั่งอ่านหนังสือ หรือดูหนังก็ได้ ประมาณ 10 นาที ... แต่ห้ามนั่งยองๆนะคะ  เดี๋ยวติ่งริดสีดวงจะยิ่งออกมา ...


6. ทานยาให้ได้วันละ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง ... ถ้าเป็นมาก สามารถเพิ่มการทานยาก่อนนอนได้อีก 2 แคปซูล  ... แต่ถ้าเป็ฯคนที่ธาตุอ่อนหรือถ่ายเหลวบ่อยหรือถ่ายมากกว่า 1 ครั้ง ต่อวัน ให้เปลี่ยนมาทานยาเป็นหลังอาหาร 2 ชั่วโมงแทน







------------------------------------------------------



สอบถามเพิ่มเติมได้นะคะ



 







Page : 1
Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

view

 หน้าแรก

 ผลิตภัณฑ์ภูหลวง

 สาระน่ารู้

 เว็บบอร์ด

 ติดต่อเรา

view