ถามเกี่ยวกับยาค่ะ
abc |
จะถามว่าถ้ากินยาไปนานๆๆ ค่ะ มันจะเกิดอาการติดมั้ยคะ ถ้าสมมติเลิกกินยาแล้ว ร่างกายเราจะสามารถถ่ายเองได้ปกติหรือเปล่าค่ะ?
|
abc |
ถามอีกนะคะ ถ้าเป็นติ่งยื่นออกมาทางด้านซ้าย กินยาแล้วติ่งจะยุบมั้ยคะ
|
เจ้าหน้าที่ |
ความ แตกต่างระหว่างยาของทางบริษัทกับยาสมุนไพรในท้องตลาด ... ส่วนมากยาในท้องตลาดจะเป็นสมุนไพรเดี่ยว คือจะเป็น ยาสมุนไพรอัคคีทวาร ยาสมุนไพรเพชรสังฆาต แต่ยาของทางบริษัทเป็นยาตำรับคะ คือนำสมุนไพรหลายตัวที่มีประสิทธิภาพในการรักษามาผสมกันเพื่อใช้สำหรับรักษา โรคริดสีดวงทวารโดยตรง ไม่ใช่สมุนไพรเดี่ยว คือเป็นเพชรสังฆาต อย่างเดียวคะ .. ตัวยาเพชรสังฆาตเป็นแค่ส่วนประกอบตัวหนึ่งในยาของเราคะ ยังมีสมุนไพรอื่นร่วมด้วยคะที่ไปช่วยเรื่องรักษาอาการอักเสบ บริเวณภายในทวารหนักคะ
นอก จากนี้ยาของทางบริษัท จะไม่เหมือนยาในท้องตลาดหรือสมุนไพรยี่ห้ออื่น คือใส่ยาถ่ายยาระบายลงไปมากๆเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกถ่ายคล่องจะได้ไม่รู้เจ็บ เวลาถ่ายเลยเหมือนอาการริดสีดวงดีขึ้นแต่มันเป็นแค่ความรู้สึกอาการไม่ได้ ทุเลา เพราะหลายคนกินยี่ห้ออื่นมาเป็นปีแต่ริดสีดวงไม่หายกลายเป็นคนติดยาระบาย ยาถ่ายไปอีก.... แต่ยาของทางบริษัท ใน 500 mg. เรา เน้นเป็นยาแก้อักเสบซะส่วนใหญ่ จะมีแค่ยาช่วยในหล่อลื่นนิดหน่อยคือไม่ให้แข็งมาก แต่ไม่ใช่ยาระบายหรือยาถ่าย แล้วอีกอย่างคนที่เป็นริดสีดวงก็ไม่จำเป็นต้องท้องผูกคนที่ท้องเสียก็มี โอกาสเป็นริดสีดวงเหมือนกันคะ .... ----------------------------- ดังนั้นยาของทางบริษัทมีส่วนแค่ให้อุจจาระอ่อ่นนุ่มลงเท่านั้นเองค่ะ .. ถ้าคนที่ธาตุปกติค่อนไปทางธาตุแข็ง จะไม่รู้สึกค่ะ .. ดังนั้นไม่มีผลต่อลำไส้ค่ะ ----------------------------------
ต้องถามก่อนว่าติ่งที่ยื่นออกมาจาก ออกมาจากบริเวณไหนคะ และเคยเป็นริดสีดวงมาก่อนหรือไม่ .... เพราะถ้าติ่งนี้ออกมาจากรูทวาร ก็มีโอกาสที่เป็นริดสีดวงทวารสูงค่ะ... แต่ถ้ากรณีที่ขึ้นรอบทวาร หรือบริเวณใกล้เคียง ที่ไม่ได้ออกมาจากข้างในทวารหนัก .. และไม่มีการหดกลับได้.... ติ่งที่บอกมาเราจะไม่สรุปให้ใคร 100 % ว่าใช่หรือไม่ ....เพราะเป็นไปได้ที่ ติ่งเกิดจากการที่เราเป็นริดสีดวงทวาร หรือเป็นไปได้ว่าติ่งนั้นเป็นติ่งเนื้อปกติ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นบริเวณไหนก็ได้ตามร่างกาย ถ้าเป็นติ่งเนื้อธรรมดา ผ่าตัดก็หาย แต่ถ้าเป็นติ่งจากริดสีดวงทวาร ผ่าตัดไป ก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นใหม่ .... -------------------- และถ้าติ่งเป็นติ่งจากการเป็นริดสีดวงทวารนะคะ .... ถ้ากรณีมีหัวและมีติ่งแล้ว เราไม่สามารถระบุเวลาที่แน่นอนให้นะคะ เพราะการรับยาของแต่ละคนไม่เท่ากัน ... ขอให้ทานยาได้วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงเพื่อการรักษาที่ต่อเนื่อง ... กรณีที่มีติ่งออกมาแล้ว ให้ดูตอนเข้าเดือนที่ 2-3 นะคะ (บอกแบบนานๆไว เพราะบางคนลืมทานยาบ่อย) จะเห็นการเปลี่ยนแปลงกับติ่งแน่นอนค่ะ ... บางทีถ้า เดือนสองเดือนแรกก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงสำหรับบางคน แต่เรายังอาจเห็นไม่ชัดเจน แต่พอเดือนที่ 3 น่าจะชัดแล้วว่าฝ่อ ... ------------------------------------------------------ เรื่องการทานยานานเท่าไหร่ เราไม่สามารถระบุให้ได้ ... ขนาดยาแผนปัจจุบันยังรักษากันหลายปี ไม่หายเลยค่ะ สุดท้ายก็ต้องผ่าตัด บางคนผ่าตัดแล้วก็กลับมาเป็นใหม่ ... ถ้ากรณีที่มีเม็ดมีหัวออกมาแล้วเราสรุปเวลาที่แน่นอนให้ไม่ได้คือเพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง แต่รับรองคะว่าหายแน่คะ ปัจจัยที่ว่านะคะ … 1. พฤติกรรมการรับประทานยา .. ถ้าทานต่อเนื่องและทานได้วันละ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ช่วงที่ท้องว่าง (เนื่องจากยาไม่มีฤทธิ์กัดกระเพาะ) และ ถ้าทานตอนที่ท้องว่างพอแคปซูลละลายตัวยาจะได้ดูดซึมเลย ประสิทธิภาพของยาก็จะออกได้ประมาณ 80-90 % แต่ถ้าทานตอนช่วงที่ทานอาหารแล้ว.. ยาอาจดูดซึมได้ไม่เต็มที่เนื่องจากอาหารดูดซึมตัวยาไปบางส่วนแล้ว ... ประสิทธิภาพอาจเหลือแค่ 50 % .... และบางคนลืมทานยาบ่อยมั้ย ดังนั้นเลยไม่สามารถบอกเลยคะว่าทานนานแค่ไหน แต่ถ้าทานต่อเนื่อง เข้าเดือนที่ 2-3 ก็น่าจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วคะ .. บางคนก็เร็วกว่านั้น 2. บริเวณที่เกิดการอักเสบหรือบริเวณเส้นเลือดดำที่โป่งพองแล้วแตกหรืออักเสบทำให้เกิดเม็ดเกิดหัว .... เพราะถ้าหัวริดสีดวงหรือบริเวณที่อักเสบที่เส้นเลือดดำภายใน ถ้าเกิดบริเวณที่อุจจาระไปโดนเวลาถ่ายก็มีโอกาสเจ็บอยู่แล้วคะและเวลาเวลา ขับถ่ายอุจจาระ อุจจาระก็ต้องไปโดนไปเสียดสีทุกครั้งดังนั้นแผลก็จะแห้งช้ากว่า คนที่บาดแผลหรือบริเวณที่อักเสบหรือตำแหน่งที่เกิดหัวริดสีดวงไม่ใช่บริเวณ ที่เวลาถ่ายอุจจาระแล้วอุจจาระไปโดน ...... 3.เป็นมานานแล้วหรือยัง... บางคนเป็นริดสีดวงแล้วไม่ทราบว่าตัวเองเป็นคือ เกิดริดสีดวงภายในก่อนเป็นมานาน แล้วพอหัวที่อยู่ภายในเกิดออกมาอยู่ข้างนอกเป็นริดสีดวงภายนอกก็เลยเพิ่งนึกว่าตัวเองเป็น ..... บางคนก็ไม่เป็นริดสีดวงภายในเวลาเป็นก็เป็นริดสีดวงภายนอกเลย ... ดังนั้นระยะเวลาการรักษาเลยไม่เหมือนกันคะ 4.เป็นมากเป็นน้อย ... บางคนเป็นแค่นิดเดียวการรักษาก็ไวหน่อย บางคนเป็นมากหัวโตก็ช้าหน่อย บางคนมีแค่หัวเดียว บางคนหัวริดสีดวงแตกมีหลายหัว 5. ติ่งแข็งมั้ย .. ถ้าติ่งแข็งหรือเริ่มแข็งคือไม่นิ่มเหมือนเนื้อปกติก็ต้องให้เวลาตัวยาละลายติ่งให้นิ่มก่อน เพราะถ้าติ่งเริ่มแข็งกว่าเนื้อปกติหรือกลายเป็นไตไปแล้ว (ติ่งแข็งแบบตายด้าน) กว่าติ่งจะรับยาได้ก็ต้องใช้เวลา 6. ท้องผูก ต้องออกแรงเบ่งบ่อยมั้ย .... ถ้าท้องผูกและต้องออกแรงเบ่งบ่อยริดสีดวงก็จะหายช้ามาก 7. ท้องเสีย หรือ ถ่ายเหลว บ่อยมั้ย ... ถ้าท้องเสียหรือถ่ายเหลวเป็นประจำก็จะหายช้า เนื่องจากการถ่ายเหลวก็เหมือนกับลำไส้ทำงานไม่ปกติค่ะ และการถ่ายเหลวนี่ก็อาจทำให้หัวริดสีดวงไม่หายซักที หรืออาการริดสีดวงเกิดการกำเริบได้ ... เมื่อเราต้องถ่ายเหลว หรือท้องเสีย อาจจะทำให้หัวของริดสีดวงใหญ่ขึ้น หรือมีอาการถ่ายเป็นเลือด เพราะอุจจาระที่ถูกขับออกมาอย่างแรง อาจทำให้เยื่อบุทวารหนักอักเสบ เป็นผลทำให้หลอดเลือดของทวารหนักขยายตัวและไม่หดกลับ --------------------------------------------------- -- ทานยาวันนึงให้ได้ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง ... ถ้าเป็นมาก สามารถเพิ่มการทานยาก่อนนอนได้อีก 2 แคปซูล ….. -- ดูแลตัวเองอย่าให้ท้องผูกหรือท้องเสีย ธาตุปกติดีที่สุด -- อาหาร แสลงที่พบในหลายๆคน นะคะ ... บางคนก็ไม่แสลงนะคะ ... เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ .. เนื้อวัว ของหมักดอง ปูเค็ม ปลาร้า ปลาเค็ม ปลาหมึก กุ้ง หน่อไม้ ข้าวเหนียว แกงไตปลา น้ำบูดู แกงเหลือง .. อาหารรสชาติเผ็ด หรือเปรี้ยวมากเกินไป ... ถ้างดได้ควรงดก่อน -- เรื่อง อากัปกิริยา ก็มีส่วนนะคะ ที่จะทำให้หายเร็วหรือช้า .... ควรจะดูแลตัวเองร่วมด้วยก็จะหายไวขึ้นค่ะ .... ถ้าต้องนั่งทำงานทั้งวัน ให้ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายทุก 2 ชั่วโมง เพื่อให้เลือดได้มีการไหลเวียนไม่ถูกกดทับนานเกินไป.... ถ้าต้องเดินนานๆ ก็อย่านานเกิน เพราะมันจะมีการเสียดมีนาน จะยิ่งทำให้อักเสบมากขึ้น ... พยายามอย่า ยืน เดิน นั่ง นานเกิน ให้ เปลี่ยนท่าบ้าง การนอน ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้พยายามนอนคว่ำหรือนอนตะแครง...และพยายามอย่าก้มยกของหนักด้วยนะคะ .. เพราะจะดันให้หัวริดสีดวงออกมาง่าย ------------------------------------------------------- เรื่องสถิติการหายเราต้องแจ้งก่อนเลย คนที่กินแล้วไม่เห็นผลก็มี เช่น ------------------------------------------------------ สอบถามเพิ่มเติมได้นะคะ
|
abc |
เป็นริดสีดวงค่ะ เคยไปหาหมอ ถ่ายเป็นเลือด หมอให้ยามาเหน็บ เหน็บไปได้ประมาณ 2 อาทิตย์ ไม่เจ็บตรงทวาร อาการดีขึ้นค่ะ หลังจากนั้น พอยาหมด อีก 2 อาทิตย์ กลับมาถ่ายเป็นเลือดอีกค่ะ คราวนี้เจ็บหนักกว่าเดิม แล้วติ่งก็บวมค่ะ เลยไปซื้อยามาเหน็บ อาการดีขึ้น ไม่มีอาการเจ็บตรงทวารแล้ว ตอนนี้กำลังกินยาของภูหลวงอยู่ค่ะ เพราะอยากให้ติ่งมันยุบมากๆ กลัวกลับมาเป็นซ้ำอีก
|