เป็นมากว่า 20 ปี (ริดสีดวง)
คนรอคำตอบ |
สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นริดสีดวงมากว่า 20 ปีแล้วเมื่อก่อนเป็นไปหาหมอ หมอให้ยาเหน็บพร็อคโตซิดิลมาใช้ ดิฉันใช้ไม่เกิน 10 วันก็หายเจ็บหายปวด เป็นอย่างนี้เรื่อยมาแต่ไม่ได้เป็นทุกปีนะค่ะ พอมาปี54 เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 54 อาการกำเริบ ได้ไปหาหมอครั้งที่ 1 คุณหมอก็ให้ยาระบาย,ตัวยาดาฟลอน มาประมาณ 10 วัน ดิฉันทานจนหมดก็ไม่หาย กลับไปหาคุณหมอใหม่ครั้งที่ 2 คุณหมอตรวจโดยการใช้กล้องส่องและอธิบายให้ดิฉันฟังว่าอาการของดิฉันเป็นแผลที่ปากทวารและมีหัวอยู่ 3 หัวทำให้ดิฉันเจ็บปวดมากๆๆเวลาขับถ่ายบางวันแทบไม่ได้หลับเลยทีเดียวทรมานมากดิฉันปรึกษาคุณหมอว่าจะต้องผ่าตัดหรือไม่คุณหมอบอกไม่จำเป็นจะต้องผ่าตัดเพราะจะมีผลข้างเคียงและคุณหมอก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อจัดยาให้ดิฉันเหมือนเดิมยาระบายที่คุณหมอให้ดิฉันมาทานดิฉันไม่ทานเลยเพราะรู้ว่าตัวเองเวลาถ่ายเป็นคนถ่ายพุ่งเป็นน้ำเหมือนคนท้องเสีย ดิฉันทานยาที่คุณหมอจัดให้จนหมดประมาณ 10 วัน อาการดังกล่าวก็ไม่ดีขึ้น ตัดสินใจไปหาคุณหมออีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 แต่ครั้งนี้เป็นคุณหมอคนละคนกับครั้งแรกและครั้งที่ 2 คุณหมอตรวจดูอาการก็ไม่ได้ว่าอะไรอีกเช่นเคยได้แต่จัดยาให้เป็นยาเหน็บจำพวกพร็อคโตฯและ ยาระบายมาให้ประมาณ 10 วัน ยาระบายดิฉันไม่ได้ทานเลยใช้แต่ยาเหน็บเพียงอย่างเดียว อาการเบาขึ้นเล็กน้อยใช้จนยาหมดหัวที่โผล่ออกมายังไม่ยุบอาการก็ยังเจ็บหลังถ่ายเสร็จ ตอนนี้ดิฉันตัดสินใจไม่ไปหาหมอ ลองทานสมุนไพรริดสีดวงทวารตราภูหลวงทานมาได้ 7 วันแล้ววันไหนถ้าดิฉันถ่ายพุ่งหลังถ่ายจะเจ็บปวดบางวันเกือบทั้งวันไม่ได้ไปทำงานเลยแต่วันไหนดิฉันถ่ายปกติหลังถ่ายจะปวดตึงๆตรงหัวที่โผล่ออกมายังไม่ยุบแต่ทนได้ไปทำงานได้ ดิฉันขอปรึกษาค่ะ
1.ถ้าจะใช้ยาเหน็บพร็อคโตซิดิลควบคู่กับยาสมุนไพรภูหลวงจะได้หรือไม่และมีผลข้างเคียงหรือเปล่า 2.ยาเหน็บพร็อคโตซิดริลสามารถใช้เป็นระยะเวลาต่อเนื่องได้นานแค่ไหนค่ะจะใช้จนกว่าหัวจะยุบได้หรือเปล่า 3.หัวที่โผล่ออกมาไม่สามารถดันกลับไปได้อาการหลังถ่ายปวดตึงๆที่หัวยังคงเป็นอาการอักเสบหรือเปล่าค่ะ 4.หัวที่โผล่ออกมาประมาณกี่เดือนถึงจะยุบถ้าทานยาสมุนไพรภูหลวง 5.มีผู้ป่วยเป็นแบบดิฉันมากน้อยแค่ไหนค่ะที่ทานยาสมุนไพรแล้วหายเด็ดขาด ขอบคุณค่ะ คนรอคำตอบ |
เจ้าหน้าที่ |
1.ถ้าจะใช้ยาเหน็บพร็อคโตซิดิลควบคู่กับยาสมุนไพรภูหลวงจะได้หรือไม่และมีผลข้างเคียงหรือเปล่า ใช้คู่กันได้ค่ะ ไม่มีผลข้างเคียง ...
พอหายอักเสบหรือหายเจ็บก็หยุดได้แล้วค่ะ
เป็นริดสีดวงระยะสุดท้ายจะไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ค่ะ ... หัวริดสีดวงที่เจ็บเพราะอาการอักเสบค่ะ 4.หัวที่โผล่ออกมาประมาณกี่เดือนถึงจะยุบถ้าทานยาสมุนไพรภูหลวง ไม่สามารถระบุให้ได้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย 5.มีผู้ป่วยเป็นแบบดิฉันมากน้อยแค่ไหนค่ะที่ทานยาสมุนไพรแล้วหายเด็ดขาด คนที่ทานยาเราแล้วหายก็มีเยอะนะคะ ... ต้องใช้เวลา เพราะเป็นยาสมุนไพร ไม่มียาปฎิชีวะนะปนแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว แต่สำหรับคนที่ทานยาแผนปัจจุบันมานานแล้วยังไม่ดีขึ้น บางคนเกิดอาการดื้อยาจากยาแผนปัจจุบัน เค้าจะเข้าใจค่ะ ว่าไม่นาน เพราะยาแผนปัจจุบันบางคนทานหลายปีเลยพอเข้าระยะที่ 4 หมดก็จะนัดผ่าตัด หลังจากผ่าตัดแล้ว ... ไม่เกิน 3 ปี ก็จะกลับมาเป็นใหม่ .. |
เจ้าหน้าที่ |
สำหรับคุณที่อาการกำเริบมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เพราะอาการท้องเสีย จนถ่ายเป็นน้ำ เพราะคนที่มีอาการนี้ อาการจะรักษายากกว่าคนที่ท้องผูกอีกนะคะ .. การที่เราถ่ายเหลวผลเสียก็มีมากนะคะ ไม่ใช่ว่าท้องผูกอย่างเดียวที่จะทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร ... เพราะการถ่ายเหลวก็เหมือนกับลำไส้ทำงานไม่ปกติค่ะ และการถ่ายเหลวนี่ก็อาจทำให้หัวริดสีดวงไม่หายซักที หรืออาการริดสีดวงเกิดการกำเริบได้ ... เมื่อเราต้องถ่ายเหลว หรือท้องเสีย อาจจะทำให้หัวของริดสีดวงใหญ่ขึ้น หรือมีอาการถ่ายเป็นเลือด เพราะอุจจาระที่ถูกขับออกมาอย่างแรง อาจทำให้เยื่อบุทวารหนักอักเสบ เป็นผลทำให้หลอดเลือดของทวารหนักขยายตัวและไม่หดกลับ ต้องดูแลตัวเองเรื่องการขับถ่ายด้วยนะคะ... พยายามอย่าให้ท้องเสียดีที่สุดค่ะ ... หลังจากที่ทานยาเราแล้วมีการถ่ายมากขึ้นหรือบ่อยขึ้นมั้ยคะ .. ถ้ามีอาการให้ทานเป็นหลังอาหาร 2 ชั่วโมง .. และถ้าทานยาตัวอื่นอยู่ที่เป็นสมุนไพรให้งดยาสมุนไพรตัวอื่นทุกชนิดก่อนนะคะเพราะยาจะตีกัน
ถ้าเจ็บมาก สามารรถทานยาของเราคู่กับยาแก้อักเสบได้ แต่ยาทานยาแก้อักเสบเกิน 7 วัน เพราะเป็นยาปฎิชีวนะ (ยาปฎิชีวนะ ถ้าทานมากเกินไปจะเกิดการสะสมคะ ไม่ดีต่อร่างกาย)หลังจากนั้นแล้ว ( 7 วัน) ก็ให้ทานแต่ยาของบริษัทอย่างเดียว แนะนำอีกวิธีนะ .... นั่งแช่น้ำอุ่นประมาณ วันละครั้ง สองครั้ง ก็สามารถบรรเทาอาการเจ็บได้บ้างค่ะ ... (ถ้าสามารถใส่ด่างทับทิมลงไปในน้ำด้วยได้ก็ดีนะคะ เพื่อช่วยบรรเทาอาการอักเสบ .. ใส่แค่แบบสะกิดลงไปนิดเดียวนะคะ นิดเดียวจริงๆ แค่น้ำเปลี่ยนสี - สีอ่อนๆ |
เจ้าหน้าที่ |
กรณีที่มีเม็ดมีหัวออกมาแล้วเราสรุปเวลาที่แน่นอนให้ไม่ได้คือเพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง แต่รับรองคะว่าหายแน่คะ ปัจจัยที่ว่านะคะ … 1. พฤติกรรมการรับประทานยา .. ถ้าทานต่อเนื่องและทานได้วันละ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ช่วงที่ท้องว่าง (เนื่องจากยาไม่มีฤทธิ์กัดกระเพาะ) และ ถ้าทานตอนที่ท้องว่างพอแคปซูลละลายตัวยาจะได้ดูดซึมเลย ประสิทธิภาพของยาก็จะออกได้ประมาณ 80-90 % แต่ถ้าทานตอนช่วงที่ทานอาหารแล้ว.. ยาอาจดูดซึมได้ไม่เต็มที่เนื่องจากอาหารดูดซึมตัวยาไปบางส่วนแล้ว ... ประสิทธิภาพอาจเหลือแค่ 50 % .... และบางคนลืมทานยาบ่อยมั้ย ดังนั้นเลยไม่สามารถบอกเลยคะว่าทานนานแค่ไหน แต่ถ้าทานต่อเนื่อง เข้าเดือนที่ 2-3 ก็น่าจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วคะ .. บางคนก็เร็วกว่านั้น 2. บริเวณที่เกิดการอักเสบหรือบริเวณเส้นเลือดดำที่โป่งพองแล้วแตกหรืออักเสบทำให้เกิดเม็ดเกิดหัว .... เพราะถ้าหัวริดสีดวงหรือบริเวณที่อักเสบที่เส้นเลือดดำภายใน ถ้าเกิดบริเวณที่อุจจาระไปโดนเวลาถ่ายก็มีโอกาสเจ็บอยู่แล้วคะและเวลาเวลา ขับถ่ายอุจจาระ อุจจาระก็ต้องไปโดนไปเสียดสีทุกครั้งดังนั้นแผลก็จะแห้งช้ากว่า คนที่บาดแผลหรือบริเวณที่อักเสบหรือตำแหน่งที่เกิดหัวริดสีดวงไม่ใช่บริเวณ ที่เวลาถ่ายอุจจาระแล้วอุจจาระไปโดน ...... 3.เป็นมานานแล้วหรือยัง... บางคนเป็นริดสีดวงแล้วไม่ทราบว่าตัวเองเป็นคือ เกิดริดสีดวงภายในก่อนเป็นมานาน แล้วพอหัวที่อยู่ภายในเกิดออกมาอยู่ข้างนอกเป็นริดสีดวงภายนอกก็เลยเพิ่งนึกว่าตัวเองเป็น ..... บางคนก็ไม่เป็นริดสีดวงภายในเวลาเป็นก็เป็นริดสีดวงภายนอกเลย ... ดังนั้นระยะเวลาการรักษาเลยไม่เหมือนกันคะ 4.เป็นมากเป็นน้อย ... บางคนเป็นแค่นิดเดียวการรักษาก็ไวหน่อย บางคนเป็นมากหัวโตก็ช้าหน่อย บางคนมีแค่หัวเดียว บางคนหัวริดสีดวงแตกมีหลายหัว 5. ติ่งแข็งมั้ย .. ถ้าติ่งแข็งหรือเริ่มแข็งคือไม่นิ่มเหมือนเนื้อปกติก็ต้องให้เวลาตัวยาละลายติ่งให้นิ่มก่อน เพราะถ้าติ่งเริ่มแข็งกว่าเนื้อปกติหรือกลายเป็นไตไปแล้ว (ติ่งแข็งแบบตายด้าน) กว่าติ่งจะรับยาได้ก็ต้องใช้เวลา 6. ท้องผูก ต้องออกแรงเบ่งบ่อยมั้ย .... ถ้าท้องผูกและต้องออกแรงเบ่งบ่อยริดสีดวงก็จะหายช้ามาก 7. ท้องเสีย หรือ ถ่ายเหลว บ่อยมั้ย ... ถ้าท้องเสียหรือถ่ายเหลวเป็นประจำก็จะหายช้า เนื่องจากการถ่ายเหลวก็เหมือนกับลำไส้ทำงานไม่ปกติค่ะ และการถ่ายเหลวนี่ก็อาจทำให้หัวริดสีดวงไม่หายซักที หรืออาการริดสีดวงเกิดการกำเริบได้ ... เมื่อเราต้องถ่ายเหลว หรือท้องเสีย อาจจะทำให้หัวของริดสีดวงใหญ่ขึ้น หรือมีอาการถ่ายเป็นเลือด เพราะอุจจาระที่ถูกขับออกมาอย่างแรง อาจทำให้เยื่อบุทวารหนักอักเสบ เป็นผลทำให้หลอดเลือดของทวารหนักขยายตัวและไม่หดกลับ |
เจ้าหน้าที่ |
ขอแนะนำเรื่องการแพ้อาหาร กับ อาหารแสลง หน่อยนะคะ เพราะหลายคนเข้าใจผิด จะบอกแต่ตัวเองไม่แพ้แต่บ้างครั้งไม่ทราบเรื่องความแตกต่าง |
เจ้าหน้าที่ |
ถ้าไม่สบายใจสอบถามเพิ่มเติมได้นะคะ
|