คนที่มีโอกาสเป็นริดสีดวงทวาร

*  บุคคลที่มีอาการท้องผูกเป็นประจำ และต้องเบ่งถ่ายเป็นประจำ ซึ่งเป็นสาเหตุยอดนิยมสำหรับคนเป็นริดสีดวง และมากกว่าสาเหตุอื่น

*   ท้องเสียบ่อย ถ่ายบ่อย เนื่องจาก โรคบิดหรือโรคลำไส้ ทำให้ถ่ายอุจจาระบ่อย ๆ

*   ลักษณะของการถ่ายอุจจาระ เช่น ชอบอ่านหนังสือในห้องสุขา การถ่ายอุจจาระบนส้วมชักโครก การยกของหนักๆ การนั่งหรือยืนท่าใดท่าหนึ่งติดต่อกันนานๆ การกลั้นอุจจาระ
*   การดื่มสุรามากเกินไป  การรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดร้อนจัดเกินไป ก็มีโอกาสทำให้เป็นโรคริดสีดวง
*   สตรีที่คลอดบุตรยากต้องออกแรงเบ่งในการออกลุก
*   นั่งในที่ซึ่งมีความร้อนมาก การถ่ายอุจจาระแล้วไม่ชำระล้างให้สะอาด

ระยะของโรคริดสีดวงทวารแบ่งตามความรุนแรงเป็น 4 ระยะ คือ

ระยะที่ 1 -- มีอาการถ่ายเป็นเลือด (บางคนก็ไม่มีอาการนี้) แต่คลำที่ทวารหนักแล้วเจอก้อน แต่ไม่มีการยื่นออกมานอกขอบทวาร

ระยะที่ 2 -- ริดสีดวงยื่นออกมานอกขอบทวาร ขณะถ่ายอุจจาระและเลื่อนกลับเข้าไปในทวารหนัก หลังถ่ายอุจจาระ

ระยะที่ 3 -- ริดสีดวงยื่นออกนอกขอบทวาร ขณะถ่ายอุจจาระ และหลังถ่ายอุจจาระต้องดันกลับเข้าไปในทวารหนัก

ระยะที่ 4 – ริดสีดวงทวารยื่นออกนอกทวารหนักตลอดเวลา

ยาแก้อักเสบทานมากเกินไปก็ไม่ดีนะคะ ...   

ส่วนเรื่องถ่ายเหลว และท้องเสียบ่อยๆ แล้วมีเลือด  ... การที่เราถ่ายเหลว ... ก็เหมือนกับลำไส้ทำงานไม่ปกติค่ะ และการถ่ายเหลวนี่ก็อาจทำให้หัวริดสีดวงไม่หายซักที หรืออาการริดสีดวงเกิดการกำเริบได้ ... เมื่อเราต้องถ่ายเหลว หรือท้องเสีย อาจจะทำให้หัวของริดสีดวงใหญ่ขึ้น หรือมีอาการถ่ายเป็นเลือด เพราะอุจจาระที่ถูกขับออกมาอย่างแรง อาจทำให้เยื่อบุทวารหนักอักเสบ เป็นผลทำให้หลอดเลือดของทวารหนักขยายตัวและไม่หดกลับ

ลองทานยาของเราดูก่อนนะคะ เป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาริดสีดวงตั้งแต่ระยะที่ 1-4 เลยคะ ... จากอาการของคุณหลังจากที่ทานยาแล้วให้สังเกตนะคะ ภายใน 15 วัน อาการถ่ายเป็นเลือดหายก่อน และหลังจากนั้นให้ทานยาต่อไป ติ่งจะค่อยๆฝ่อลง และหดไปเป็นเนื้อเดียวกับทวาร แต่ต้องใช้เวลานิดนะคะ เพราะเป็นยาสมุนไพร 100 % ..  หลังจากติ่งฝ่อไปหมดแล้วก็ทานต่ออีก 3 เดือนเพื่อรักษาภายในที่อักเสบให้หายสนิท ...

ปกติการทานยาให้ทานครั้งละ 2 แคปซูลวันละ 3 เวลาก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง กรณีของคุณถ้าทานยาแล้วมีการถ่ายมากขึ้น  ให้ทานเป็นหลังอาหาร ซัก 2 ชั่วโมงนะคะ ... เพราะยามีส่วนประกอบของตัวยาที่ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มลง  เลยอาจทำให้ถ่ายมากขึ้นหน่อย เลยให้ทานเป็นหลังอาหาร ... และถ้าอาการท้องเสียเริ่มลดน้อยลง หรือหายแล้ว ก็สามารถทานเป็นก่อนอาหารได้ค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมได้นะคะ ....