ปวดท้องมาก ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดเยอะมาก
ปลา |
ตอนนี้หนูถ่ายอุจจาระเป็นเลือดเยอะมากจนร่างกายอ่อนเพลีย เวลาถ่ายเสร็จจับดูรุ้สึกเหมือนมีก้อนอยุ่ที่รูทวารค่ะ แต่พอไม่ถ่ายจับไปก็ปกติค่ะ เวลาถ่ายจะเจ็บมากค่ะ เป็นคนท้องผูกมานานแล้ว ตอนนี้ปวดท้องมากๆๆๆๆๆๆๆ หนูเป็นริดสีดวงรึเปล่าค่ะ ถ้าเป็น เป็นแบบไหน ทานยาจะหายไหม เป็นคนทานรสจัดด้วยค่ะ |
จนท |
ทั้งถ่ายเป้นเลือดและมีติ่งออกมาด้วย ก็น่าจะเป็นริดสีดวงนะคะ ... ลองทานยาดูก่อน แต่ต้องปรับเหลี่ยนการทานอาหาร เพราะเรื่องอาหารรสเผ้ดจะไม่ให้ทานค่ะ เพราะระคายเคืองลำไส้ บางคนทานไปเรื่อยๆ ก็เดกิดอาการอัหเสบเรื่อยๆ .. งดก่อนนะคะ .. . เห็น บอกว่าท้องผูกมาก .... ลองดื่มน้ำมากขึ้นนะคะ ถ้าตอนขับถ่ายหัวอุจจาระแข็งแล้วพอหัวอุจจาระออกมาแล้ว อุจจาระค่อยๆนิ่มขึ้น หมายถึงเราดื่มน้ำไม่พอ พอร่างกายต้องการใช้น้ำก็จะดึงตามส่วนต่างๆไป โดยเฉพาะปลายลำไส้ใหญ่ค่ะ ทำให้หัวอุจจาระแข็งเราเลยต้องออกแรงเบ่งค่ะ ------------------------------------------------------------------------------------ คนที่เป็นริดสีดวงถึงขั้นมีติ่ง ... ต้องเป็นจากภายในมาก่อน แต่เราไม่รู้ตัว... แล้วติ่งนั้นที่อยู่ภายในจะค่อยๆดันออกมาข้างนอกค่ะ ถ้ากรณีที่ดันออกมาข้างนอกแล้ว ระยะการเป็นริดสีดวงที่อยู่ภายในไม่น่าต่ำกว่า 5 ปีค่ะ อาการถ่ายแล้วมีเลือดออก -- อาการถ่ายเป็นเลือดสามารถเกิดได้กระยะของการเป็นริดสีดวงค่ะ ไม่ว่าริดสีดวงภายในหรือภายนอก หรือสามารถถ่ายเป็นเลือดได้ตั้งแต่ระยะที่ 1 - 4 ค่ะ . ขึ้นอยู่กับมีปัจจัยอะไรไปกระตุ้นให้เกิดอาการ ... ------------------------------------------------------ กรณีของน้องอาการถ่ายเป็นเลือด ภายใน 15 วัน...อาการถ่ายเป็นเลือดจะหายก่อนหลังจากนั้นให้ทานยาต่อไปนะคะเพื่อรักษาติ่งให้ฝ่อ ... แต่ถ้ากรณีมีหัวและมีติ่งแล้ว เราไม่สามารถระบุเวลาที่แน่นอนให้นะคะ เพราะการรับยาของแต่ละคนไม่เท่ากัน ... ขอให้ทานยาได้วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงเพื่อการรักษาที่ต่อเนื่อง ... กรณีที่มีติ่งออกมาแล้ว ให้ดูตอนเข้าเดือนที่ 2-3 นะคะ (บอกแบบนานๆไว เพราะบางคนลืมทานยาบ่อย) จะเห็นการเปลี่ยนแปลงกับติ่งแน่นอนค่ะ ... บางทีถ้า เดือนสองเดือนแรกก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงสำหรับบางคน แต่เรายังอาจเห็นไม่ชัดเจน แต่พอเดือนที่ 3 น่าจะชัดแล้วว่าฝ่อ ... ------------------------------------------------------ เรื่องการทานยานานเท่าไหร่ เราไม่สามารถระบุให้ได้ ... ขนาดยาแผนปัจจุบันยังรักษากันหลายปี ไม่หายเลยค่ะ สุดท้ายก็ต้องผ่าตัด บางคนผ่าตัดแล้วก็กลับมาเป็นใหม่ ... ถ้ากรณีที่มีเม็ดมีหัวออกมาแล้วเราสรุปเวลาที่แน่นอนในการทานยาให้ไม่ได้คือเพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ปัจจัยที่ว่านะคะ … 1. พฤติกรรมการรับประทานยา .. ถ้าทานต่อเนื่องและทานได้วันละ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ช่วงที่ท้องว่าง (เนื่องจากยาไม่มีฤทธิ์กัดกระเพาะ) และ ถ้าทานตอนที่ท้องว่างพอแคปซูลละลายตัวยาจะได้ดูดซึมเลย ประสิทธิภาพของยาก็จะออกได้ประมาณ 80-90 % แต่ถ้าทานตอนช่วงที่ทานอาหารแล้ว.. ยาอาจดูดซึมได้ไม่เต็มที่เนื่องจากอาหารดูดซึมตัวยาไปบางส่วนแล้ว ... ประสิทธิภาพอาจเหลือแค่ 50 % .... และบางคนลืมทานยาบ่อยมั้ย ดังนั้นเลยไม่สามารถบอกเลยคะว่าทานนานแค่ไหน แต่ถ้าทานต่อเนื่อง เข้าเดือนที่ 2-3 ก็น่าจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วคะ .. บางคนก็เร็วกว่านั้น 2. บริเวณที่เกิดการอักเสบหรือบริเวณเส้นเลือดดำที่โป่งพองแล้วแตกหรืออักเสบทำให้เกิดเม็ดเกิดหัว .... เพราะถ้าหัวริดสีดวงหรือบริเวณที่อักเสบที่เส้นเลือดดำภายใน ถ้าเกิดบริเวณที่อุจจาระไปโดนเวลาถ่ายก็มีโอกาสเจ็บอยู่แล้วคะและเวลาเวลา ขับถ่ายอุจจาระ อุจจาระก็ต้องไปโดนไปเสียดสีทุกครั้งดังนั้นแผลก็จะแห้งช้ากว่า คนที่บาดแผลหรือบริเวณที่อักเสบหรือตำแหน่งที่เกิดหัวริดสีดวงไม่ใช่บริเวณ ที่เวลาถ่ายอุจจาระแล้วอุจจาระไปโดน ...... 3.เป็นมานานแล้วหรือยัง... บางคนเป็นริดสีดวงแล้วไม่ทราบว่าตัวเองเป็นคือ เกิดริดสีดวงภายในก่อนเป็นมานาน แล้วพอหัวที่อยู่ภายในเกิดออกมาอยู่ข้างนอกเป็นริดสีดวงภายนอกก็เลยเพิ่งนึกว่าตัวเองเป็น ..... บางคนก็ไม่เป็นริดสีดวงภายในเวลาเป็นก็เป็นริดสีดวงภายนอกเลย ... ดังนั้นระยะเวลาการรักษาเลยไม่เหมือนกันคะ 4.เป็นมากเป็นน้อย ... บางคนเป็นแค่นิดเดียวการรักษาก็ไวหน่อย บางคนเป็นมากหัวโตก็ช้าหน่อย บางคนมีแค่หัวเดียว บางคนหัวริดสีดวงแตกมีหลายหัว 5. ติ่งแข็งมั้ย .. ถ้าติ่งแข็งหรือเริ่มแข็งคือไม่นิ่มเหมือนเนื้อปกติก็ต้องให้เวลาตัวยาละลายติ่งให้นิ่มก่อน เพราะถ้าติ่งเริ่มแข็งกว่าเนื้อปกติหรือกลายเป็นไตไปแล้ว (ติ่งแข็งแบบตายด้าน) กว่าติ่งจะรับยาได้ก็ต้องใช้เวลา 6. ท้องผูก ต้องออกแรงเบ่งบ่อยมั้ย .... ถ้าท้องผูกและต้องออกแรงเบ่งบ่อยริดสีดวงก็จะหายช้ามาก 7. ท้องเสีย หรือ ถ่ายเหลว บ่อยมั้ย ... ถ้าท้องเสียหรือถ่ายเหลวเป็นประจำก็จะหายช้า เนื่องจากการถ่ายเหลวก็เหมือนกับลำไส้ทำงานไม่ปกติค่ะ และการถ่ายเหลวนี่ก็อาจทำให้หัวริดสีดวงไม่หายซักที หรืออาการริดสีดวงเกิดการกำเริบได้ ... เมื่อเราต้องถ่ายเหลว หรือท้องเสีย อาจจะทำให้หัวของริดสีดวงใหญ่ขึ้น หรือมีอาการถ่ายเป็นเลือด เพราะอุจจาระที่ถูกขับออกมาอย่างแรง อาจทำให้เยื่อบุทวารหนักอักเสบ เป็นผลทำให้หลอดเลือดของทวารหนักขยายตัวและไม่หดกลับ --------------------------------------------------- ข้อแนะนำเพิ่มเติม -- ทานยาวันนึงให้ได้ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง ... ยาไม่กัดกระเพาะนะคะ ไม่ได้ทานอาหารก็สามารถทานยาได้ค่ะ ... ถ้ามื้อไหนลืมทานยาให้มาเพิ่มการทานยาเป็นก่อนนอนแทนนะคะ ... -- ดูแลตัวเองอย่าให้ท้องผูกหรือท้องเสีย ธาตุปกติดีที่สุด (ไม่แนะนำให้ทานยาถ่ายหรือยาระบายจนกระทั่งถ่ายเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำนะคะ) -- อาหาร แสลงที่พบในหลายๆคน นะคะ ... บางคนก็ไม่แสลงนะคะ ... เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ .. เนื้อวัว ของหมักดอง ปูเค็ม ปลาร้า ปลาเค็ม ปลาหมึก กุ้ง หน่อไม้ ข้าวเหนียว แกงไตปลา น้ำบูดู แกงเหลือง .. อาหารรสชาติเผ็ด หรือเปรี้ยวมากเกินไป ... ถ้างดได้ควรงดก่อน -- เรื่อง อากัปกิริยา ก็มีส่วนนะคะ ที่จะทำให้หายเร็วหรือช้า .... ควรจะดูแลตัวเองร่วมด้วยก็จะหายไวขึ้นค่ะ .... ถ้า ต้องนั่งทำงานทั้งวัน ให้ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายทุก 2 ชั่วโมง เพื่อให้เลือดได้มีการไหลเวียนไม่ถูกกดทับนานเกินไป.... ถ้าต้องเดินนานๆ ก็อย่านานเกิน เพราะมันจะมีการเสียดมีนาน จะยิ่งทำให้อักเสบมากขึ้น ... พยายาม อย่า ยืน เดิน นั่ง นานเกิน ให้ เปลี่ยนท่าบ้าง การนอน ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้พยายามนอนคว่ำหรือนอนตะแครง...และพยายามอย่าก้มยกของ หนักด้วยนะคะ .. เพราะจะดันให้หัวริดสีดวงออกมาเร็วขึ้นและใหญ่ขึ้น โดยส่วนมากแล้ว 90 % จะได้ผล จะมีแค่ 10 % ที่ไม่ได้ผล คือ 1. ใจร้อน 2. ท้องผูก ท้องเสียตลอดเวลา 3. ทานอาหารแสลงตลอดเวลา ทั้งๆที่รู้ว่าริดสีดวงของเราแสลงกับอาหารนั้น ... 4. ร่าง กายไม่รับยาเลย ร่างกายรับยาของเราไม่ค่อยได้ เหมือนไม่ถูกกับยา .. แต่น้อยคนนะคะ แทบไม่เคยเจอเคสนี้ ... เช่น เหมือนกับการที่เราทานยาแก้ปวดหัว ยี่ห้อ A แล้วไม่ได้ผล เหมือนไม่ถูกกับยา เลยต้องเปลี่ยนเป็นยี่ห้อ B C หรือ --------------------------------------------- ตัวแทนจำหน่าย ดูได้จาก หน้าเวป ตรงเมนูด้านบน หรือด้านซ้ายค่ะ จะเขียนว่าตัวแทนจำหน่าย ... อยู่ที่ อำเภอ-จังหวัด อะไรคะ เดี๋ยวดูตัวแทนจำหน่ายให้ก็ได้นะคะ เรื่่องราคา จะมี 2 ขนาดค่ะ คือ (ห้ามจำหน่ายเกินราคานี้) -- 1. ขนาด 50 แคปซูล ราคาปลีก 180 บาท (ทานได้ประมาณ 8 วัน) 2. ขนาด 100 แคปซูล ราคา 300 บาท (ทานได้ประมาณ 16 วัน) ------------------------------------------------------------- สอบถามเพิ่ม เติมได้นะคะ |