http://www.samunpaiphuluang.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

หน้าแรก

ผลิตภัณฑ์ภูหลวง

ตัวแทนจำหน่าย

สาระน่ารู้

เว็บบอร์ด

ติดต่อเรา ทาง facebook หรือ โทร 038-448052 ถึง 3

เป็นมาหลายปี กินจะหายไหมคะ

(อ่าน 1286/ ตอบ 2)

nam

เป็นมาหลายปีค่ะ มีติ่งโผล่ออกมาด้วยค่ะ น่าจะเป็นตั้งแต่ม.3 ตอนนี้อยู่ปี3 แล้วค่ะ ไม่เคยรักษา ไม่เคยกินยาเลย อย่างนี้จะทำให้เราเป็นโรคอื่นไหมคะ กลัวเป็นมะเร็งลำไส้มันเกี่ยวกันไหมคะ ยังไงผู้รู้ช่วยตอบด้วยนะคะ คิดมากทุกวันเลยค่ะ แล้วเวลาถ่าย็มีเลือดออกด้วยค่ะ ช่วยตอบหน่อยนะคะ กังวลมากเลยค่ะ แล้วถ้ารักษาไม่หายขาด เป็นไปนานๆจะทำให้เป็นโรคอื่นด้วยหรือป่าวคะ มีผลกระทบร้ายแรงมากกว่าที่เป็นทุกวันนี้หรือป่าวคะ แล้วมีขายแบบออนไลน์ ส่งของที่บ้านไหมคะ ขอบคุณค่ะ 


จนท.



ขายตรง ที่เปิดเวปขึ้นมาก็เพื่อแนะนำสินค้าและให้คำแนะนำกับผู้ที่ไม่สบาย ป่วย และตรงกับยาที่ทางบริษัทมี เนื่องจากยาบางตัวเราต้องแนะนำเรื่องการทานยาด้วย ถ้าไปร้านยาบางครั้งบางร้านทางร้านยุ่งมาก ทำให้ไม่มีเวลาที่จะแนะนำยาคะ ....


ไม่ทราบว่าอยู่ที่ อำเภอ-จังหวัด อะไรคะ จะหาตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านให้นะคะ


หรือดูได้จากเมนูด้านบน และด้านซ้าย ตรงตัวแทนจำหน่ายค่ะ


----------------------------------------------------


อาการคร่าวๆที่สามารถบอกได้ว่าเป็นอะไร


--- ถ่ายปกติก่อน และต่อมามีเลือดสด หยดตามมาโดยเลือดไม่ปนอุจจาระ อันนี้กว่า 90 % บอกได้ว่าเป็นริดสีดวงทวาร โดยเฉพาะถ้าเป็น ๆ หาย ๆ หรือคลำก้อนที่ทวารได้ บางคนปวด บางคนไม่ปวด


--- กรณี เป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้ อาการ ของบางคนจะมีการ และมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ปวดเบ่ง น้ำหนักลด ผอมลง เบื่ออาหาร อุจจาระก้อนเล็กยาวเหมือนผ่านรูแคบ ๆ ท้องผูกสลับเสีย บางทีถ่ายมูกปนเลือด อุจจาระปนเป็นเนื้อเดียวกับเลือด อาจมีคล้าย ๆ มูก อุจจาระเหลวแดงคล้ำถึงดำ เหม็น อาจมีเลือดออกจากส่วนที่สูงกว่านั้น เช่น ส่วนต้นของลำไส้ใหญ่ หรือกระเพาะ


ปกติถ้ามีเลือดออกมาตอนขับถ่าย อาจมีสาเหตุมาจาก ---
1. อุจจาระบาดบริเวณเส้นเลือด.. เนื่องจากอุจจาระแข็ง
2. ข้างในทวารหนัก มีติ่ง-หัวริดสีดวงอยู่ .. พอทานอาหารแสลงไป ทำให้เกิดการอักเสบ ... ทำให้มีเลือดออกมา
3. มีการขับถ่ายแบบต้องออกแรงเบ่งมาก ทำให้เส้นเลือดโป่งพองแตกอักเสบได้


4. ท้องเสียหรือถ่ายเหลวเป็นประจำ ...


-----------------------------------



ยาของทางบริษัทเป็นยาตำรับคะ คือนำสมุนไพรหลายตัวที่มีประสิทธิภาพในการรักษามาผสมกันเพื่อใช้สำหรับรักษาโรคริดสีดวงทวารโดยตรง ไม่ใช่สมุนไพรเดี่ยว คือเป็นเพชรสังฆาต อย่างเดียวคะ .. ตัวยาเพชรสังฆาตเป็นแค่ส่วนประกอบตัวหนึ่งในยาของเราคะ ยังมีสมุนไพรอื่นร่วมด้วยคะที่ไปช่วยเรื่องรักษาอาการอักเสบ บริเวณภายในทวารหนักคะ


------------------------------------------



กรณีที่ถ่ายเป็นเลือด ภายใน 15 วัน...อาการถ่ายเป็นเลือดจะหาย ยกเว้นกรณีมากจริงๆ แบบบางคนที่ต้องเอาแผ่นผ้าอนามัยมันมารองแบบออกมาทั้งวัน ...อาการนี้ ภายใน 15 วันจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


แต่ถ้ากรณีมีหัวและมีติ่งแล้ว เราไม่สามารถระบุเวลาที่แน่นอนให้นะคะ เพราะการรับยาของแต่ละคนไม่เท่ากัน ... ขอให้ทานยาได้วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงเพื่อการรักษาที่ต่อเนื่อง ... กรณีที่มีติ่งออกมาแล้ว ให้ดูตอนเข้าเดือนที่ 2-3 นะคะ (บอกแบบนานๆไว เพราะบางคนลืมทานยาบ่อย) จะเห็นการเปลี่ยนแปลงกับติ่งแน่นอนค่ะ ... บางทีถ้า เดือนสองเดือนแรกก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงสำหรับบางคน แต่เรายังอาจเห็นไม่ชัดเจน แต่พอเดือนที่ 3 น่าจะชัดแล้วว่าฝ่อ ...


------------------------------------------------------


เรื่องการทานยานานเท่าไหร่ เราไม่สามารถระบุให้ได้ ... ขนาดยาแผนปัจจุบันยังรักษากันหลายปี ไม่หายเลยค่ะ สุดท้ายก็ต้องผ่าตัด บางคนผ่าตัดแล้วก็กลับมาเป็นใหม่ ...


ถ้ากรณีที่มีเม็ดมีหัวออกมาแล้วเราสรุปเวลาที่แน่นอนในการทานยาให้ไม่ได้คือเพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ปัจจัยที่ว่านะคะ


1. พฤติกรรมการรับประทานยา .. ถ้าทานต่อเนื่องและทานได้วันละ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ช่วงที่ท้องว่าง (เนื่องจากยาไม่มีฤทธิ์กัดกระเพาะ) และ ถ้าทานตอนที่ท้องว่างพอแคปซูลละลายตัวยาจะได้ดูดซึมเลย ประสิทธิภาพของยาก็จะออกได้ประมาณ 80-90 %  แต่ถ้าทานตอนช่วงที่ทานอาหารแล้ว.. ยาอาจดูดซึมได้ไม่เต็มที่เนื่องจากอาหารดูดซึมตัวยาไปบางส่วนแล้ว ... ประสิทธิภาพอาจเหลือแค่ 50 % .... และบางคนลืมทานยาบ่อยมั้ย ดังนั้นเลยไม่สามารถบอกเลยคะว่าทานนานแค่ไหน แต่ถ้าทานต่อเนื่อง เข้าเดือนที่ 2-3 ก็น่าจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วคะ .. บางคนก็เร็วกว่านั้น


2. บริเวณที่เกิดการอักเสบหรือบริเวณเส้นเลือดดำที่โป่งพองแล้วแตกหรืออักเสบทำให้เกิดเม็ดเกิดหัว .... เพราะถ้าหัวริดสีดวงหรือบริเวณที่อักเสบที่เส้นเลือดดำภายใน ถ้าเกิดบริเวณที่อุจจาระไปโดนเวลาถ่ายก็มีโอกาสเจ็บอยู่แล้วคะและเวลาเวลา ขับถ่ายอุจจาระ อุจจาระก็ต้องไปโดนไปเสียดสีทุกครั้งดังนั้นแผลก็จะแห้งช้ากว่า คนที่บาดแผลหรือบริเวณที่อักเสบหรือตำแหน่งที่เกิดหัวริดสีดวงไม่ใช่บริเวณ ที่เวลาถ่ายอุจจาระแล้วอุจจาระไปโดน ...... 


3.เป็นมานานแล้วหรือยัง... บางคนเป็นริดสีดวงแล้วไม่ทราบว่าตัวเองเป็นคือ เกิดริดสีดวงภายในก่อนเป็นมานาน แล้วพอหัวที่อยู่ภายในเกิดออกมาอยู่ข้างนอกเป็นริดสีดวงภายนอกก็เลยเพิ่งนึกว่าตัวเองเป็น .....  บางคนก็ไม่เป็นริดสีดวงภายในเวลาเป็นก็เป็นริดสีดวงภายนอกเลย ...  ดังนั้นระยะเวลาการรักษาเลยไม่เหมือนกันคะ


4.เป็นมากเป็นน้อย ... บางคนเป็นแค่นิดเดียวการรักษาก็ไวหน่อย บางคนเป็นมากหัวโตก็ช้าหน่อย บางคนมีแค่หัวเดียว บางคนหัวริดสีดวงแตกมีหลายหัว


5. ติ่งแข็งมั้ย .. ถ้าติ่งแข็งหรือเริ่มแข็งคือไม่นิ่มเหมือนเนื้อปกติก็ต้องให้เวลาตัวยาละลายติ่งให้นิ่มก่อน เพราะถ้าติ่งเริ่มแข็งกว่าเนื้อปกติหรือกลายเป็นไตไปแล้ว (ติ่งแข็งแบบตายด้าน) กว่าติ่งจะรับยาได้ก็ต้องใช้เวลา


6. ท้องผูก ต้องออกแรงเบ่งบ่อยมั้ย .... ถ้าท้องผูกและต้องออกแรงเบ่งบ่อยริดสีดวงก็จะหายช้ามาก


7. ท้องเสีย หรือ ถ่ายเหลว บ่อยมั้ย ... ถ้าท้องเสียหรือถ่ายเหลวเป็นประจำก็จะหายช้า เนื่องจากการถ่ายเหลวก็เหมือนกับลำไส้ทำงานไม่ปกติค่ะ และการถ่ายเหลวนี่ก็อาจทำให้หัวริดสีดวงไม่หายซักที หรืออาการริดสีดวงเกิดการกำเริบได้ ... เมื่อเราต้องถ่ายเหลว หรือท้องเสีย อาจจะทำให้หัวของริดสีดวงใหญ่ขึ้น หรือมีอาการถ่ายเป็นเลือด เพราะอุจจาระที่ถูกขับออกมาอย่างแรง อาจทำให้เยื่อบุทวารหนักอักเสบ เป็นผลทำให้หลอดเลือดของทวารหนักขยายตัวและไม่หดกลับ


---------------------------------------------------


-- ทานยาวันนึงให้ได้ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง ... ถ้าเป็นมาก สามารถเพิ่มการทานยาก่อนนอนได้อีก 2 แคปซูล …..


-- ดูแลตัวเองอย่าให้ท้องผูกหรือท้องเสีย ธาตุปกติดีที่สุด


-- อาหาร แสลงที่พบในหลายๆคน นะคะ ... บางคนก็ไม่แสลงนะคะ ... เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ .. เนื้อวัว ของหมักดอง ปูเค็ม ปลาร้า ปลาเค็ม ปลาหมึก กุ้ง หน่อไม้ ข้าวเหนียว แกงไตปลา น้ำบูดู แกงเหลือง .. อาหารรสชาติเผ็ด หรือเปรี้ยวมากเกินไป ... ถ้างดได้ควรงดก่อน


-- เรื่อง อากัปกิริยา ก็มีส่วนนะคะ ที่จะทำให้หายเร็วหรือช้า .... ควรจะดูแลตัวเองร่วมด้วยก็จะหายไวขึ้นค่ะ ....  ถ้าต้องนั่งทำงานทั้งวัน ให้ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายทุก 2 ชั่วโมง เพื่อให้เลือดได้มีการไหลเวียนไม่ถูกกดทับนานเกินไป.... ถ้าต้องเดินนานๆ ก็อย่านานเกิน เพราะมันจะมีการเสียดมีนาน จะยิ่งทำให้อักเสบมากขึ้น ...  พยายามอย่า ยืน เดิน นั่ง นานเกิน ให้ เปลี่ยนท่าบ้าง การนอน ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้พยายามนอนคว่ำหรือนอนตะแครง...และพยายามอย่าก้มยกของหนักด้วยนะคะ .. เพราะจะดันให้หัวริดสีดวงออกมาง่าย


 


--------------------------------------------


โดยส่วนมากแล้ว 90 % จะได้ผล จะมีแค่ 10 % ที่ไม่ได้ผล คือ
1. ใจร้อน
2. ท้องผูก ท้องเสียตลอดเวลา
3. ทานอาหารแสลงตลอดเวลา ทั้งๆที่รู้ว่าริดสีดวงของเราแสลงกับอาหารนั้น ...
4. ร่างกายไม่รับยาเลย ร่างกายรับยาของเราไม่ค่อยได้ เหมือนไม่ถูกกับยา .. แต่น้อยคนนะคะ ... เช่น เหมือนกับการที่เราทานยาแก้ปวดหัว ยี่ห้อ A แล้วไม่ได้ผล เหมือนไม่ถูกกับยา เลยต้องเปลี่ยนเป็นยี่ห้อ B C หรือ


 


สอบถามเพิ่มเติมได้นะคะ



nam

ขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับคำตอบทั้งหมด เคยถ่ายครั้งนึง เป็นเลือดดำ แ้ล้วเจ็บท้องมาก ไปหาหมอ แล้วหมอบอกว่าเป็นแค่ริดสีดวงทวาร  แล้วก้ให้ยาสอดมาค่ะ เราใช้เกือบหมด แต่ก็ยังไม่หมดค่ะ หลงๆลืมๆบ้าง แต่พอมาอ่านเราก็กังวลค่ะ กัวโรงพยาบาลเค้าจะตรวจไม่ละเอียด เค้าแค่ถามอาการแล้วก็จ่ายยาค่ะ แล้วอีกอย่างที่อยากทราบคือ ริดสีดวงทวารถ้าเป็นแล้วสามารถเป็นมะเร้งลำไส้ได้หรือป่าวคะ หรือว่ามันไม่เกี่ยวกับเลยคะ เพราะว่าเป็นนานๆแบบนี้ กลัวจะทำให้ก่อให้เป็นมะเร็งสำไส้ค่ะ อยากไปตรวจเอ็กสเรย์โรงพยาบาลเอกชน แต่ราคาก็แพงค่ะ ไปโรงพยาบาลรัฐก็ถามอาการแล้วก็จ่ายยา เราก็กลับมาคิดมากตลอดเลยค่ะ อายุแค่21 มีสิทเป็นมะเร็งลำไส้หรือป่าวคะ

Page : 1
Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

view

 หน้าแรก

 ผลิตภัณฑ์ภูหลวง

 สาระน่ารู้

 เว็บบอร์ด

 ติดต่อเรา

view