สอบถามริดสีดวงอักเสบ
แมวน้อย |
อยากถามว่าถ้าเป็นริดสีดวงอักเสบกินยาภูหลวงจะได้มั้ยค่ะ คือเพิ่งไปหาหมอมา หมอว่าเป็นริดสีดวงอักเสบ อาการก็มีก้อนยื่นออกมา หมอให้ยาเหน็บกับยากินแล้วก็บอกว่าถ้าหัวมันหลุดออกมาก็เอาเก็บเข้าไปเหมือนกัน ปัญหาคือเป็นมา 3-4 วันแล้ว เอาหัวเก็บมันก็ยื่นออกมาอีก แล้วถ้าไปโดยก็เจ็บมาก เลยอยากทราบว่า ถ้ากินยาภูหลวงจะช่วยได้หรือเปล่าค่ะ และแนะนำให้กินระยะเวลาประมาณไหนค่ะ ขอบคุณค่ะ |
.. |
อาการของคุณเป็นอาการของริดสีดวงทวารระยะที่ 3 เข้าระยะที่ 4 ...ถ้าติ่ง/หัวริดสีดวงยื่นออกมาต้องพยายามดันกลับเข้าไปค่ะ เพราะถ้าเราไม่ดันติ่ง/หัวริดสีดวงนั้นกลับเข้าไป หัวริดสีดวงนั้นก็จะกลับเข้าไปไม่ได้ และจะอยู่ข้างนอกตลอดเลยค่ะ .... อยากแนะนำให้ ลองทานยาของเราดูก่อนนะคะ เป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาริดสีดวงตั้งแต่ระยะที่ 1-4 เลยคะ ... และสามารถรักษาได้ทั้งภายในและภายนอก ... --------------------------------------------------- วิธีรับประทานยา..... กรณี คนธาตุปกติ หรือ ธาตุแข็ง ..... การทานยานะคะ.. ครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงคะ (ควรทานยาก่อนอาหารเพราะร่างกายจะได้นำยาไปใช้ได้เต็มที่คะ ถ้าทานพร้อมมื้ออาหารประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปด้วย) ... และควรทานยาต่อเนื่องนะคะ ไม่ควรทานๆหยุดๆคะ ... เพื่อการรักษาอย่างต่อเนื่อง กรณี คนธาตุอ่อน หรือ ถ่ายมากกว่าวันละ 1 ครั้ง ท้องเสียบ่อย..... การทานยานะคะ.. ครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 3 เวลา หลังอาหาร 2 ชั่วโมงค่ะ ตอนนี้ถ้ามีอาการเจ็บบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวาร ..ให้ทานยาของเราคู่กับยาแก้อักเสบนะคะแต่ทานยาแก้อักเสบแค่ 7 วันพอ เพราะเป็นยาปฎิชีวนะ (ยาปฎิชีวนะ ถ้าทานมากเกินไปจะเกิดการสะสมคะ ไม่ดีต่อร่างกาย)หลังจากนั้นแล้ว ( 7 วัน) ก็ให้ทานแต่ยาของบริษัทอย่างเดียว --------------------------------------- กรณีที่ถ่ายเป็นเลือด ภายใน 15 วัน...อาการถ่ายเป็นเลือดจะหาย ยกเว้นกรณีมากจริงๆ แบบบางคนที่ต้องเอาแผ่นผ้าอนามัยมันมารองแบบออกมาทั้งวัน ...อาการนี้ ภายใน 15 วันจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แต่ถ้ากรณีมีหัวและมีติ่งแล้ว เราไม่สามารถระบุเวลาที่แน่นอนให้นะคะ เพราะการรับยาของแต่ละคนไม่เท่ากัน ... ขอให้ทานยาได้วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงเพื่อการรักษาที่ต่อเนื่อง ... กรณีที่มีติ่งออกมาแล้ว ให้ดูตอนเข้าเดือนที่ 2-3 นะคะ (บอกแบบนานๆไว เพราะบางคนลืมทานยาบ่อย) จะเห็นการเปลี่ยนแปลงกับติ่งแน่นอนค่ะ ... บางทีถ้า เดือนสองเดือนแรกก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงสำหรับบางคน แต่เรายังอาจเห็นไม่ชัดเจน แต่พอเดือนที่ 3 น่าจะชัดแล้วว่าฝ่อ ... ------------------------------------------------------ เรื่องการทานยานานเท่าไหร่ เราไม่สามารถระบุให้ได้ ... ขนาดยาแผนปัจจุบันยังรักษากันหลายปี ไม่หายเลยค่ะ สุดท้ายก็ต้องผ่าตัด บางคนผ่าตัดแล้วก็กลับมาเป็นใหม่ ... ถ้ากรณีที่มีเม็ดมีหัวออกมาแล้วเราสรุปเวลาที่แน่นอนในการทานยาให้ไม่ได้คือเพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ปัจจัยที่ว่านะคะ … 1. พฤติกรรมการรับประทานยา .. ถ้าทานต่อเนื่องและทานได้วันละ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ช่วงที่ท้องว่าง (เนื่องจากยาไม่มีฤทธิ์กัดกระเพาะ) และ ถ้าทานตอนที่ท้องว่างพอแคปซูลละลายตัวยาจะได้ดูดซึมเลย ประสิทธิภาพของยาก็จะออกได้ประมาณ 80-90 % แต่ถ้าทานตอนช่วงที่ทานอาหารแล้ว.. ยาอาจดูดซึมได้ไม่เต็มที่เนื่องจากอาหารดูดซึมตัวยาไปบางส่วนแล้ว ... ประสิทธิภาพอาจเหลือแค่ 50 % .... และบางคนลืมทานยาบ่อยมั้ย ดังนั้นเลยไม่สามารถบอกเลยคะว่าทานนานแค่ไหน แต่ถ้าทานต่อเนื่อง เข้าเดือนที่ 2-3 ก็น่าจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วคะ .. บางคนก็เร็วกว่านั้น 2. บริเวณที่เกิดการอักเสบหรือบริเวณเส้นเลือดดำที่โป่งพองแล้วแตกหรืออักเสบทำให้เกิดเม็ดเกิดหัว .... เพราะถ้าหัวริดสีดวงหรือบริเวณที่อักเสบที่เส้นเลือดดำภายใน ถ้าเกิดบริเวณที่อุจจาระไปโดนเวลาถ่ายก็มีโอกาสเจ็บอยู่แล้วคะและเวลาเวลา ขับถ่ายอุจจาระ อุจจาระก็ต้องไปโดนไปเสียดสีทุกครั้งดังนั้นแผลก็จะแห้งช้ากว่า คนที่บาดแผลหรือบริเวณที่อักเสบหรือตำแหน่งที่เกิดหัวริดสีดวงไม่ใช่บริเวณ ที่เวลาถ่ายอุจจาระแล้วอุจจาระไปโดน ...... 3.เป็นมานานแล้วหรือยัง... บางคนเป็นริดสีดวงแล้วไม่ทราบว่าตัวเองเป็นคือ เกิดริดสีดวงภายในก่อนเป็นมานาน แล้วพอหัวที่อยู่ภายในเกิดออกมาอยู่ข้างนอกเป็นริดสีดวงภายนอกก็เลยเพิ่งนึกว่าตัวเองเป็น ..... บางคนก็ไม่เป็นริดสีดวงภายในเวลาเป็นก็เป็นริดสีดวงภายนอกเลย ... ดังนั้นระยะเวลาการรักษาเลยไม่เหมือนกันคะ 4.เป็นมากเป็นน้อย ... บางคนเป็นแค่นิดเดียวการรักษาก็ไวหน่อย บางคนเป็นมากหัวโตก็ช้าหน่อย บางคนมีแค่หัวเดียว บางคนหัวริดสีดวงแตกมีหลายหัว 5. ติ่งแข็งมั้ย .. ถ้าติ่งแข็งหรือเริ่มแข็งคือไม่นิ่มเหมือนเนื้อปกติก็ต้องให้เวลาตัวยาละลายติ่งให้นิ่มก่อน เพราะถ้าติ่งเริ่มแข็งกว่าเนื้อปกติหรือกลายเป็นไตไปแล้ว (ติ่งแข็งแบบตายด้าน) กว่าติ่งจะรับยาได้ก็ต้องใช้เวลา 6. ท้องผูก ต้องออกแรงเบ่งบ่อยมั้ย .... ถ้าท้องผูกและต้องออกแรงเบ่งบ่อยริดสีดวงก็จะหายช้ามาก 7. ท้องเสีย หรือ ถ่ายเหลว บ่อยมั้ย ... ถ้าท้องเสียหรือถ่ายเหลวเป็นประจำก็จะหายช้า เนื่องจากการถ่ายเหลวก็เหมือนกับลำไส้ทำงานไม่ปกติค่ะ และการถ่ายเหลวนี่ก็อาจทำให้หัวริดสีดวงไม่หายซักที หรืออาการริดสีดวงเกิดการกำเริบได้ ... เมื่อเราต้องถ่ายเหลว หรือท้องเสีย อาจจะทำให้หัวของริดสีดวงใหญ่ขึ้น หรือมีอาการถ่ายเป็นเลือด เพราะอุจจาระที่ถูกขับออกมาอย่างแรง อาจทำให้เยื่อบุทวารหนักอักเสบ เป็นผลทำให้หลอดเลือดของทวารหนักขยายตัวและไม่หดกลับ --------------------------------------------------- -- ทานยาวันนึงให้ได้ 3 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง ... ถ้าเป็นมาก สามารถเพิ่มการทานยาก่อนนอนได้อีก 2 แคปซูล ….. -- ดูแลตัวเองอย่าให้ท้องผูกหรือท้องเสีย ธาตุปกติดีที่สุด -- อาหาร แสลงที่พบในหลายๆคน นะคะ ... บางคนก็ไม่แสลงนะคะ ... เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ .. เนื้อวัว ของหมักดอง ปูเค็ม ปลาร้า ปลาเค็ม ปลาหมึก กุ้ง หน่อไม้ ข้าวเหนียว แกงไตปลา น้ำบูดู แกงเหลือง .. อาหารรสชาติเผ็ด หรือเปรี้ยวมากเกินไป ... ถ้างดได้ควรงดก่อน -- เรื่อง อากัปกิริยา ก็มีส่วนนะคะ ที่จะทำให้หายเร็วหรือช้า .... ควรจะดูแลตัวเองร่วมด้วยก็จะหายไวขึ้นค่ะ .... ถ้าต้องนั่งทำงานทั้งวัน ให้ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายทุก 2 ชั่วโมง เพื่อให้เลือดได้มีการไหลเวียนไม่ถูกกดทับนานเกินไป.... ถ้าต้องเดินนานๆ ก็อย่านานเกิน เพราะมันจะมีการเสียดมีนาน จะยิ่งทำให้อักเสบมากขึ้น ... พยายามอย่า ยืน เดิน นั่ง นานเกิน ให้ เปลี่ยนท่าบ้าง การนอน ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้พยายามนอนคว่ำหรือนอนตะแครง...และพยายามอย่าก้มยกของหนักด้วยนะคะ .. เพราะจะดันให้หัวริดสีดวงออกมาง่าย -------------------------------------------- โดยส่วนมากแล้ว 90 % จะได้ผล จะมีแค่ 10 % ที่ไม่ได้ผล คือ
สอบถามเพิ่มเติมได้นะคะ |